เซ่นโควิด ! ร้านอาหารอ่วมนับถอยหลังปิดกิจการแสนราย

นางฐนิวรรณ กุลมงคล นายกสมาคมภัตตาคารไทย เปิดเผยถึงกรณีที่ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 (ศบค.) ซึ่งมีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เป็นประธาน ในวันที่ 16 ส.ค.นี้  จะพิจารณาขยายมาตรการยกระดับการควบคุมการแพร่ระบาดในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 29 จังหวัด ที่จะสิ้นสุดในวันที่ 18 ส.ค. นี้ออกไปอีก 14 วัน หรือสิ้นสุดวันที่ 31 ส.ค. ว่า หากรัฐขยายเวลาล็อกดาวน์ออกไป ธุรกิจร้านอาหารจะถูกกระทบหนักมากขึ้น จากปัจจุบันธุรกิจร้านอาหารเหลือรายได้เพียง 20-30% คิดเป็นรายรับจริงเพียง 10-20% เท่านั้น 

ขณะเดียวกันพบว่ายอดขายในร้านอาหารต่าง ๆ ผ่านช่องทางดีลิเวอรี่ลดเหลือ 40-100 บาท/บิล บางร้านมีรายได้เพียง 300-500 บาท/วัน ไม่เพียงพอต่อต้นทุนค่าใช้จ่าย จากกำลังซื้อที่ลดลง และการล็อกดาวน์ที่ยาวนานทำให้ประชาชนระมัดระวังการจับจ่ายมากขึ้น

สำหรับร้านอาหารที่เคยขายได้หลักแสนบาทต่อวันเหลือหลักพัน ร้านค้ารายย่อยเหลือรายได้เพียงหลักร้อยบาทต่อวัน เท่ากับร้านอาหารกำลังนับถอยหลังปิดกิจการอีกเป็นจำนวนมาก หากภาครัฐไม่มีมาตรการที่ชัดเจนให้ผู้ประกอบการตั้งรับ 
          

อย่างไรก็ตาม แม้ความเสียหายในธุรกิจร้านอาหารเป็นเรื่องยากที่จะประเมิน เพราะผู้ให้บริการมีหลายรูปแบบ แต่มองว่าร้านอาหารที่ได้รับผลกระทบและปิดตัวลงจากการแบกรับภาระต้นทุนไม่ไหว  70% จากผู้ประกอบการ SMEs ที่ประเมินว่าจะต้องปิดตัวกว่า 1 แสนราย

นอกจากนี้สมาคมได้เข้าไปช่วยเหลือผู้ประกอบการด้วยการเจรจากับธนาคารในการให้กลุ่มร้านอาหารเข้าถึงสินเชื่อต่าง ๆ มากขึ้น ขณะที่มาตรการพักต้น-พักดอกที่ทางธนาคารออกมาช่วยเหลือผู้ประกอบการก็สามารถช่วยเหลือได้ในระดับหนึ่ง 

ทั้งนี้อยากให้ภาครัฐเร่งพิจารณาการใช้ โครงการคนละครึ่ง ในแพลตฟอร์ม food delivery โดยเร็วที่สุด  จากเดิมเริ่มต.ค. เพราะตัวเลขโควิดที่เพิ่มสูงขึ้นทำให้ ศบค.และแพทย์ต้องการให้ประชาชนอยู่บ้าน จึงควรจะอำนวยความสะดวกให้เร็วที่สุด เนื่องจากโครงการดังกล่าวได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลถึง 21 ล้านคน