ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ เงินสะพัดแล้ว 1,000 ล้านบาท เอกชนแนะจัดหาวัคซีนสปุตนิกเปิดทางนทท.แถบรัสเซีย
หอการค้าภูเก็ต เผยโครงการ ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ มีจำนวนนักท่องเที่ยวถึง 19,000 คน สร้างเม็ดเงินสะพัดแล้วกว่า 1,000 ล้านบาท พร้อมแนะภาครัฐควรเร่งรับรองวัคซีนสปุตนิก เพื่อเปิดรับนักท่องเที่ยวจากประเทศรัสเซียและกลุ่มประเทศเครือรัฐเอกราช
วันนี้( 14 ส.ค.64) นายธนูศักดิ์ พึ่งเดช ประธานหอการค้าจังหวัดภูเก็ต เปิดเผยถึงความคืบหน้า โครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ ว่าปัจจุบันมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติสะสมประมาณ 19,000 คน กลับไปแล้ว 4 พันกว่าคน และยังคงอยู่ในประเทศไทยอีกกว่า 1.5 หมื่นคน
โดยเอกชนเห็นว่าภาครัฐควรเร่งรับรองวัคซีนสปุกนิก จาก WHO หรือ อย. เพราะเป็นวัคซีนที่นักท่องเที่ยวจากรัสเซียและกลุ่มประเทศในเครือรัฐเอกราช หรือ CIS ได้รับ และนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้มีความต้องการเดินทางมายังประเทศไทยเป็นจำนวนมาก ซึ่งจะเป็นแหล่งรายได้ที่สำคัญเพิ่มเติมให้กับประเทศไทย โดยขณะนี้มีเที่ยวบินจากมอสโคไปยังอียิปต์ถึงวันละ 40 เที่ยวบิน หากไทยมีนักเที่ยวกลุ่มนี้เพิ่มเติม ก็จะช่วยให้ภาคการท่องเที่ยวฟื้นตัวได้เร็วขึ้น
ทั้งนี้ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคมจนถึงปัจจุบัน มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ ติดเชื้อโควิด – 19 จำนวน 50 คน จากนักท่องเที่ยวทั้งหมด 19,000 คนที่เข้ามาใน โครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์
ขณะที่ภาพรวมการผู้ติดเชื้อของจังหวัดภูเก็ต ส่วนหนึ่งมาจากกลุ่มแรงงานต่างด้าว ที่ลักลอบเข้ามาทางเรือ โดยทางจังหวัดได้ปรับเรือนจำเก่าแยกให้เป็นโรงพยาบาลสนามสำหรับแรงงานต่างด้าวโดยเฉพาะ ประมาณ 500 เตียง ซึ่งจะช่วยจำกัดการแพร่ระบาดได้อีกทางหนึ่ง
ด้านนายวัฒนา ธนาศักดิ์เจริญ รองประธานกรรมการหอการค้าไทย และประธานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจพื้นที่ภาคใต้ เปิดเผยว่าโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ มีเม็ดเงินหมุนเวียนแล้วกว่า 1 พันล้านบาท ส่งผลดีต่อภาคธุรกิจและมีการจ้างแรงงานเพิ่มมากขึ้น ส่วนการขยายผลในโครงการสมุยพลัส ซึ่งเป็นการเปิดการท่องเที่ยวเชื่อมโยงต่อจากจังหวัดภูเก็ตมายังเกาะสมุย เกาะพะงัน และเกาะเต่า ถือว่าเป็นไปได้ด้วยดี โดยเกาะสมุยมีผู้ได้รับวัคซีนเข็มแรกแล้วประมาณร้อยละ 97 เกาะพะงันร้อยละ 123 และเกาะเต่าอยู่ที่ร้อยละ 128 นอกจากนี้ ภาครัฐและเอกชนกำลังร่วมกันดำเนินการและทบทวนมาตรการต่าง ๆ เพิ่มเตรียมขยายผลไปยังจังหวัดพังงาและจังหวัดกระบี่ เพื่อเพิ่มเม็ดเงินจากการท่องเที่ยวให้มากยิ่งขึ้น
สำหรับภาพรวมการฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยวทั้งประเทศอาจต้องใช้เวลาพอสมควร เนื่องจากการกระจายวัคซีนในขณะนี้ที่ยังไม่เร็วพอ โดยคาดว่าการท่องเที่ยวของประเทศจะกลับมาเป็นปกติในช่วงปลายปี 2565 ถึงต้นปี 2566