กูรูฟันธงโควิดลามส่งออก จีดีพีเสี่ยงหลุดต่ำกว่า 1%
กูรูประเมินเศรษฐกิจไทยเผชิญความเสี่ยงจากโควิดสายพันธุ์เดลต้า ชี้หากรุนแรงต่อเนื่องรัฐคุมไม่อยู่ลากยาวยื้ดเยื้อไม่จบภายในส.ค.จีดีพีเสี่ยงหลุดต่ำกว่า 1%
นายอมรเทพ จาวะลา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สำนักวิจัยธนาคารซีไอเอ็มบีไทย เปิดเผยว่า การแพร่ระบาดสายพันธุ์เดลตา กระทบต่อภาคธุรกิจรุนแรง โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมใช้แรงงานเข้มข้น เช่น อาหารแปรรูป สินค้าเกษตร สิ่งทอ ก่อสร้าง จากเดิมขาด แคลนแรง งานอยู่แล้ว
ขณะที่อุตสาหกรรมส่งออกหลักของไทย เช่น ยานยนต์และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ยังไม่โดนผลกระทบแรงมาก แต่เริ่มเป็นห่วงมากขึ้น หากสายการผลิตด้านซัพพลายเชนการผลิต เช่น โรงงานผลิตอะไหล่รถยนต์กระทบจนผลิตไม่ได้
ทั้งนี้ในเดือน ส.ค.นี้ เป็นจุดชี้ชะตา หากรัฐแก้ไม่ทันจนลามสู่อุตสาหกรรมส่งออก จะเป็นความเสี่ยงให้เศรษฐกิจไทยโตช้า % ส่งออกมีโอกาสโตต่ำกว่า 10% ในปีนี้ จากที่คาดโต 15% แต่หวังว่าจะแก้ทันพร้อมเร่งฉีดวัคซีนและตรวจคัดกรองให้แรงงานมากขึ้น และส่งออกไทยปีนี้อาจเติบโตชะลอลง เพราะฐานต่ำปีก่อนและภาคการผลิตยังมีสต็อกคงค้างรองรับการผลิตได้ 1 เดือนครึ่งหรือนานกว่านั้น
ยกเว้นกรณีเลวร้ายสุดจีดีพีติดลบได้มาจากปัจจัยในต่างประเทศ ถ้าการระบาดหลายประเทศกลับมา โดยเฉพาะสหรัฐและจีนที่เป็นคู่ค้าหลักทำให้ส่งออกไทยติดลบ มีโอกาสอาจเห็นจีดีพีติดลบถึง 2 ปี ซึ่งปัจจุบันยังไม่ถึงจุดนี้ แต่ต้องติดตามความ สี่ยงใกล้ชิด
นายเชาว์ เก่งชน ประธานกรรมการบริหาร ศูนย์วิจัยกสิกรไทย กล่าวว่า ความเสี่ยงที่โควิด-19 จะขยายการระบาดมาภาคอุตสาหกรรมชัดเจนขึ้น ซึ่งหากควบคุมไม่ได้จะกระทบวงกว้าง โดยเฉพาะการระบาดในภาคการผลิตที่ปัจจุบันเป็นภาคธุรกิจเดียวที่เดินหน้าได้ หากต้องหยุดการผลิตจะกระทบการส่งออกและเศรษฐกิจภาพรวม
ทั้งนี้ กรณีฐาน (Base Case) คาดว่ายอดผู้ติดเชื้อปรับขึ้นทำจุดสูงสุดที่ 2-3 หมื่นรายต่อวัน ในเดือน ส.ค.นี้ แต่ต้องตามดูให้ลงสู่ระดับต่ำกว่า 1,000 รายต่อวัน จึงจะลดความเสี่ยงกลับมาระบาดอีกครั้งได้ แต่ในกรณีเลวร้าย (Worst Case) คาดว่ายอดผู้ติดเชื้อจะขึ้นมากกว่าที่คาดการณ์ และทำจุดสูงสุดในเดือน ต.ค.นี้ ซึ่งจะเป็นความเสี่ยงขาลงต่อเศรษฐกิจไทยปีนี้ อย่างไรก็ตาม ภายใน 1 เดือนนับจากนี้หากคุมสถานการณ์ไม่ได้ ประมาณการเศรษฐกิจต้องปรับลงอีกจากปัจจุบันที่คาดจีดีพีปีนี้เติบโต 1%