TNN online เศรษฐีต่างชาติฮุบโรงแรมไทย เซ่นโควิดลากยาว

TNN ONLINE

Wealth

เศรษฐีต่างชาติฮุบโรงแรมไทย เซ่นโควิดลากยาว

 เศรษฐีต่างชาติฮุบโรงแรมไทย  เซ่นโควิดลากยาว

"มาริสา" ระบุโควิดลากยาวธุรกิจไปต่อไม่ไหว โรงแรมขนาดกลาง-ใหญ่ประกาศขายแล้วกว่า 20% เศรษฐีไทย-ฮ่องกง-สิงคโปร์-จีนแห่ซื้อกิจการ ร้องรัฐปล่อยกู้ระยะยาวคิดดอกเบี้ยไม่เกิน 2% พยุงจ้างงานถึงปี 65

นางมาริสา สุโกศล หนุนภักดี นายกสมาคมโรงแรมไทย (ทีเอชเอ) เปิดเผยว่า    ขณะนี้มีโรงแรมจำนวนมากไม่สามารถแบกรับภาระค่าใช้จ่ายโดยเฉพาะค่าจ้างพนักงาน สำหรับโรงแรมที่รับนักท่องเที่ยวต่างชาติเป็นหลัก หลังจากช่วง 1 ปีกว่าที่ผ่านมา มีแต่รายจ่ายไม่มีรายได้เข้ามา เนื่องจากเกิดการระบาดโควิด-19 นับตั้งแต่ระลอก 1 ปี 2563 จนถึงระลอก 3 ในปัจจุบัน ยังไม่มีแนวโน้มที่จะสามารถควบคุมได้ ทำให้เริ่มเห็นภาพหลายโรงแรมทั้งขนาดใหญ่ ขนาดกลาง ประกาศขาย มากกว่า 10-20% ของโรงแรมในประเทศไทย


สำหรับกลุ่มที่สนใจซื้อมีมาจากหลายประเทศ เช่น  กลุ่มเศรษฐีคนไทย  ฮ่องกง สิงคโปร์ และจีน ทำให้ผู้ประกอบการที่น่าเป็นห่วงที่สุด คือกลุ่มธุรกิจขนาดกลางที่เงินทุนกำลังจะหมด  แต่รัฐบาลไม่สามารถจัดการกับการระบาดของโควิด-19 ได้ ปล่อยให้ลากยาวกว่าที่คาดไว้ จึงอยากให้รัฐบาลโดยธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เข้ามาช่วยเหลือในเรื่องของการหยุดเงินต้น และดอกเบี้ย เพราะที่ผ่านมามีการเจรจาเพื่อหยุดชำระหนี้เงินต้น แต่ดอกเบี้ยยังคงเดินอยู่ ส่งผลให้หนี้สินของโรงแรมพอกพูนขึ้น โดยหากรัฐบาลมีการช่วยเรื่องเงินกู้ระยะยาวดอกเบี้ยไม่เกิน 2% น่าจะพอพยุงการจ้างงานต่อไปได้อีกถึงปี 2565

 

 นอกจากนี้ สิ่งที่ผู้ประกอบการโรงแรมต้องการมากสุด คือการเร่งฉีดวัคซีน เพราะหากไม่มีวัคซีน การเดินหน้าก็ทำไม่ได้ คาดหวังว่ารัฐบาลจะสามารถแก้ปัญหาได้ในเร็วๆ นี้ โดยภาวะปัจจุบัน ผู้ประกอบการส่วนใหญ่เตรียมใจไว้แล้วว่า จะต้องลดขนาดของธุรกิจลง เพื่อลดต้นทุนด้วยการลดจำนวนพนักงานลงอีก เพื่อคุมค่าใช้จ่าย 


ทั้งนี้ปัจจุบันการจ้างงานในภาคการท่องเที่ยวลดลงแล้วกว่า 50% แต่หลังมีการเปิดภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ จำนวนนักท่องเที่ยวเริ่มมีเพิ่มขึ้น แม้ยังกระจุกอยู่ในจังหวัดภูเก็ตก็ตาม หากรัฐบาลยังไม่มีมาตรการออกมาช่วยเหลือด้านเงินทุน จะเห็นภาพการเปลี่ยนมือของธุรกิจโรงแรมเพิ่มมากขึ้น เพราะความจริงมีโรงแรมที่ปิดถาวรไป อาจมีการขายธุรกิจให้กับนักลงทุนคนใหม่ แต่เนื่องจากไม่ได้เป็นการประกาศปิดให้บริการ จึงไม่สามารถรู้ได้ชัดเจนว่าโรงแรมถูกเปลี่ยนมือไปแล้วมากน้อยแค่ไหน แต่มีหลายโรงแรมที่ขายให้เจ้าของคนใหม่แล้ว แต่ถูกจ้างให้เจ้าของเดิมบริหารต่อ 


ด้านความคืบหน้าโครงการโกดังพักหนี้ พบว่าผู้ประกอบการโรงแรมเข้าร่วมโครงการน้อยกว่าที่ควร เนื่องจากอธนาคารพาณิชย์ มีการตั้งเงื่อนไขที่แตกต่างกัน  เช่น ให้ลูกหนี้ชั้นดีเท่านั้น ประเมินจากมูลค่าหนี้ในระดับต่ำก่อน เมื่อนโยบายไม่เป็นไปในทิศทางเดียวกันทำให้ยากในการเข้าถึงโครงการ


ส่วนกลุ่มธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ต้องการให้หาแหล่งเงินทุนที่ตั้งเงื่อนไขการกู้ผ่านการค้ำประกันไขว้ระหว่างธุรกิจกันเองมากกว่า เนื่องจากผู้ประกอบการหลายรายไม่มีเงินทุนในมือแล้ว รวมถึงหลักทรัพย์ค้ำกันที่ต้องใช้ อาทิ ที่ดิน อสังหาริมทรัพย์ต่างๆ ทำให้การเข้าถึงเงินกู้ทำได้ยากกว่าภาวะปกติ




  

ข่าวแนะนำ