TNN online พิษโควิดฉุดเงินบาทอ่อน จับตาตัวเลขเศรษฐกิจจีน

TNN ONLINE

Wealth

พิษโควิดฉุดเงินบาทอ่อน จับตาตัวเลขเศรษฐกิจจีน

พิษโควิดฉุดเงินบาทอ่อน จับตาตัวเลขเศรษฐกิจจีน

ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ที่ระดับ 32.63 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง หลังตัวเลขโควิดพุ่งต่อเนื่อง เกาะติดข้อมูลเศรษฐกิจจีนวันนี้ ระบุหากแย่กว่าคาดหนุนให้รัฐบาลจีนใช้นโยบายการเงินผ่อนคลายมากขึ้น

นายพูน พานิชพิบูลย์ นักวิเคราะห์ประจำห้องค้าเงิน ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ที่ระดับ  32.63 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ อ่อนค่าลง จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ  32.60 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ บาทต่อดอลลาร์ จากประเด็นโควิดในประเทศที่พุ่งไม่หยุดแนวโน้มเลวร้ายลง ซึ่งปัญหาการระบาดจะทำให้นักลงทุนต่างชาติสามารถทยอยขายสินทรัพย์ไทย โดยเฉพาะหุ้นไทย และกดดันให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงได้ 


ทั้งนี้มองว่าแรงกดดันค่าเงินบาทอาจมาจากการอ่อนค่าลงของเงินหยวนจีนได้ โดยมองว่ามีโอกาสที่เงินหยวนจะผันผวนและอ่อนค่าลง กดดันให้สกุลเงินในฝั่งเอเชียอ่อนค่าลงตามได้ หากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจจีนออกมาแย่กว่าคาด สะท้อนว่าเศรษฐกิจจีนมีการฟื้นตัวที่ชะลอลงมากขึ้น ซึ่งภาพดังกล่าวจะยิ่งหนุนให้ ธนาคารกลางจีนใช้นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายมากขึ้น


ขณะเดียวกันนักลงทุนก็อาจชะลอการลงทุนในตลาดทุนจีนไปก่อน ทำให้เงินหยวนขาดแรงหนุนด้านแข็งค่าจากฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติ มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 32.60-32.70 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ


สำหรับถ้อยแถลงของประธานเฟดที่ยืนกรานว่า เฟดจะไม่เร่งรีบใช้นโยบายการเงินที่ตึงตัวมากขึ้น หรือ ลดการอัดฉีดสภาพคล่อง (QE Tapering) จนกว่าเศรษฐ กิจสหรัฐฯ จะฟื้นตัวเป็นที่น่าพอใจ ได้ช่วยหนุนให้ ตลาดการเงินโดยรวมพลิกกลับมาเปิดรับความเสี่ยง (Risk-On) อีกครั้ง 


โดยในฝั่งสหรัฐฯ ดัชนี S&P500 ปรับตัวขึ้นราว +0.12% ส่วนหนึ่งตลาดหุ้นสหรัฐฯ ได้รับแรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของหุ้นในกลุ่มการเงินที่รายงานผลกำไรออกมาดีกว่าคาด อาทิ Well Fargo (+3.98%) 


ขณะที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังคงเผชิญแรงกดดันจากความผันผวนของหุ้นกลุ่มพลังงานที่ปรับตัวลดลงหนัก ตามราคาน้ำมันดิบ WTI และ เบรนท์ ที่ลดลงมากกว่า -3% หลังมีรายงานว่า ซาอุดิอาระเบียและ UAE สามารถบรรลุข้อตกลงการเพิ่มกำลังการผลิตได้ ซึ่งจะเป็นการปูทางไปสู่แผนการเพิ่มกำลังการผลิตโดยกลุ่ม OPEC+ ต่อไป 


นอกจากนี้ยอดสต็อกน้ำมันดิบสำเร็จรูป ทั้งน้ำมันเบนเซินและน้ำมันดีเซล รวมถึง heating oil ก็ปรับเพิ่มขึ้นสูงกว่าคาด สะท้อนความต้องการใช้น้ำมันที่ลดลง


ส่วนในฝั่งยุโรป ดัชนี STOXX50 ของยุโรป ปิดบวกราว +0.12% ตามการเปิดรับความเสี่ยงของตลาดการเงินโดยรวม และ หนุนโดยการปรับตัวขึ้นของหุ้นในกลุ่มเทคฯ  ASML +1.58%, Infineon +1.40%, Adyen +0.81% รวมถึงกลุ่มการเงิน ING +0.68%, Santander +0.68%, Intesa Sanpaolo +0.64% จากความหวังแนวโน้มผลกำไรหุ้นในกลุ่มดังกล่าวที่อาจออกมาเติบโตได้ดีในไตรมาสที่ 2


ในฝั่งตลาดบอนด์ ถ้อยแถลงของประธานเฟดที่ย้ำจุดยืนว่า เฟดจะยังไม่รีบปรับลดการอัดฉีดสภาพคล่อง ได้หนุนให้ ผู้เล่นในตลาดบอนด์มีความมั่นใจในการถือบอนด์ระยะยาวอยู่ ทำให้บอนด์ยีลด์ 10ปี สหรัฐฯ ปรับตัวลดลงกว่า 7bps สู่ระดับ 1.34% 


นอกจากนี้การปรับตัวลดลงของยีลด์ 10ปี สหรัฐฯ และถ้อยแถลงของประธานที่ยังสนับสนุนนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายต่อ ได้กดดันให้ เงินดอลลาร์ พลิกกลับมาอ่อนค่าลงต่อเนื่องเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก โดยล่าสุดดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY Index) ปรับตัวลงสู่ระดับ 92.40 จุด ส่งผลให้สกุลเงินหลัก อาทิ เงินยูโร (EUR) แข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 1.183 ดอลลาร์ต่อยูโร เงินปอนด์ (GBP) ก็ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 1.385 ดอลลาร์ต่อปอนด์ 


ส่วนเงินเยนก็แข็งค่าหลุดระดับ 110 เยนต่อดอลลาร์ นอกจากนี้ เงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงและบอนด์ยีลด์ 10ปี สหรัฐฯ ที่ปรับตัวลดลง ได้หนุนให้ ราคาทองคำ ปรับตัวขึ้นใกล้ระดับ 1,830 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ได้ 


สำหรับวันนี้ตลาดจะรอติดตาม แนวโน้มการฟื้นตัวเศรษฐกิจจีน ที่โดยรวมโมเมนตัมการฟื้นตัวเริ่มอ่อนแรงลงมากขึ้น สะท้อนผ่าน ยอดค้าปลีก (Retail Sales) เดือนมิถุนายน ที่จะขยายตัว 10.9%y/y ชะลอลงจากเดือนก่อนหน้า เช่นเดียวกับ ยอดผลผลิตอุตสาหกรรม (Industrial Production) และ ยอดการลงทุนสินทรัพย์คงทน (Fixed Asset Investment) ที่จะโตราว 8.0%y/y และ 12%y/y ตามลำดับ แต่ก็เป็นการชะลอตัวลงจากช่วงต้นปี 


นอกจากนี้เศรษฐกิจจีนในไตรมาสที่ 2 จะขยายตัวราว 8.0%y/y ชะลอลงจากไตรมาสแรกที่โตถึง 18.3%y/y ซึ่งอาจไม่ใช่เรื่องน่ากังวลนัก เพราะไตรมาสแรกขยายตัวแข็งแกร่งนั้นส่วนหนึ่งก็มาจากฐานที่ต่ำของปี 2020 


ขณะเดียวกันประเมินว่า ธนาคารกลางเกาหลีใต้ (BOK) จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย (7-day Repo Rate) ไว้ที่ระดับ 0.50% หลังเกาหลีใต้ก็เริ่มเจอการระบาดของ COVID-19 ระลอกใหม่ ทั้งนี้ เราประเมินว่า หากการระบาดสงบลงและเศรษฐกิจฟื้นตัวดีขึ้น BOK อาจเป็นธนาคารกลางแรกในเอเชียที่จะขึ้นดอกเบี้ยได้ในช่วงปลายปีนี้ หรือ ต้นปีหน้า อย่างไกร็ตาม  ตลอดทั้งสัปดาห์ ตลาดจะติดตามรายงานผลประกอบการในไตรมาสที่ 2 ของบรรดาจดทะ เบียนต่อไป


พิษโควิดฉุดเงินบาทอ่อน จับตาตัวเลขเศรษฐกิจจีน



ข่าวแนะนำ