แรงซื้อกลับหุ้นกลุ่มไฟแนนซ์ ลดช่วงลบหุ้นไทย

นางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล. โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS  เปิดเผยถึงภาวะตลาดหุ้นไทยปิดที่ 1,570.99  จุด  1.29 จุดหรือ 0.08  % ระหว่างวันซื้อขายสูงสุด 1,573.04  จุด และต่ำสุดที่ 1,561 จุด มูลค่าการซื้อขาย 72,585.78 ล้านบาทว่าดัชนีหุ้นไทยช่วงเช้าปรับลงแรงตามตลาดหุ้นในภูมิภาค หลังจากที่ตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้น 5.4% สูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์  ทำให้นักลงทุนวิตกว่าธนาคารกลางสหรัฐหรือเฟดอาจปรับขึ้นดอกเบี้ยเร็วกว่าคาดในเดือนม.ค.ปี66 และลดมาตรการคิวอีลง 

 

นอกจากนี้มีแรงซื้อหุ้นกลุ่มไฟแนนซ์ เช่น MTC, TIDLOR, KTC, JMT สวนทางกับกลุ่มธนาคารที่ปรับตัวลดลงเช่น KBANK, SCC, BBL ส่งผลให้ดัชนีลดช่วงลบอย่างไรก็ตาม นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ  460.98 ล้านบาท บัญชีบล.ซื้อสุทธิ 644.46 ล้านบาท ต่างประเทศขายสุทธิ 886.91 ล้านบาท ในประเทศขายสุทธิ 218.53 ล้านบาท 

ส่วนปัจจัยที่ต้องติดตามคือ จับตาคืนนี้นายพาวเวล ประธาน FED แถลงต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาสหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนมิ.ย. และสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์อียูเปิดเผยการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนพ.ค.

สำหรับกลยุทธ์การลงทุนเน้นหุ้นรับอานิสงส์ส่งออกเติบโต เช่น AH, SAT, NER, STA ,KCE, HANA ,SMT, ASIANรวมถึงหุ้น Defensive Stock ADVANC, TTW, EASTW ,BGRIM และหุ้นกลุ่มโรงพยาบาลและเครื่องมือแพทย์ CHG ,EKH, BDMS, BCH, SMD, TM  หุ้นที่ได้ประโยชน์จากWFH  เช่น ADVANC ,DTAC, TRUE ,JAS, DIF, JASIF, ITEL ,NETBAY, YGG ,AS, INSET

ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวพรุ่งนี้ 1,575-1,587 จุด