เช็กเลย! หุ้นตัวไหนแกร่งฝ่าโควิด-รับอานิสงส์บาทอ่อน

นายฐกฤต ชาติเชิดศักดิ์ ผู้จัดการฝ่ายวิจัย บล.เอเซีย พลัส เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้ระหว่าง  12-16 ก.ค. ประเมินยังผันผวนสูง  ในช่วงสั้นระ หว่างสัปดาห์มีโอกาสเกิด Technical Rebound ได้ หลังสัปดาห์ที่แล้ว SET Index ปรับลง 1.5% นักลงทุนขายลดพอร์ตลงทุนเพื่อรอความชัดเจนรัฐจะ Lockdown  (ซึ่งเย็นวันศุกร์ รัฐประกาศยกระดับมาตรการคุมเข้ม Covid-19 ระยะเวลา 14 วัน รวม 10 จังหวัด เริ่มมีผลวันที่ 12 ก.ค. เป็นต้นไป คาดเป็น Downside ในการปรับลดคาด GDP Growth และ กำไรบริษัทจดทะเบียนในปี 2564 ประเมินจะเริ่มเห็นการทยอยปรับลดลงจากเดิม )

ทั้งนี้ประเมินแนวต้านสัปดาห์นี้อยู่ที่  1,575 จุด ส่วนแนวรับประเมิน 1,500-1,510  จุด โดยสัปดาห์นี้ประเมิน SET Index  จะยังถูกแรงกดดันจากจากปัจจัยในประเทศ เป็นหลักๆ เชื่อว่าประเด็นที่ให้น้ำหนัก

รายงานยอดผู้ติดเชื้อ Covid รายใหม่ ในไทย ล่าสุด ใกล้เคียง 1 หมื่นรายต่อวัน และมียังมีโอกาส New High เพิ่มขึ้น  (เนื่องจากยังเห็นการแพร่ระบาดไปหลายจังหวัดและ Cluster ใหม่ )   ประเด็นสำคัญ  คือให้ติดตามการควบคุมการติดเชื้อ  รายงานยอดจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่  และผู้ป่วยคงค้างในระบบในอนาคตว่าแนวโน้มจะลดลง หรือดีขึ้นหรือไม่  คาดจะเห็นผลและประสิทธิผลของมาตรการคุมเข้มในรอบนี้น่าจะชัดขึ้น ในช่วงปลายเดือน ก.ค. เป็นต้นไป  ถึงคาดจะช่วย SET Index ฟื้นตัว   แต่ทางตรงข้ามหากยอด New case ยังเพิ่มขึ้น คาดจะยังเป็นปัจจัยกดดัน และเปิด Downside กับตลาดหุ้นไทย และหุ้นเปิดเมือง Reopen ต่อ   

นอกจากนี้ติดตามมาตรการเยียวยาจากผลการเข้มงวดกิจกรรมเศรษฐกิจงวดใหม่ ของรัฐบาล  วันอังคาร ประชุม ครม.  คือ คลังและสภาพัฒน์เสนอมาตร การคาดมุ่งเน้นไปที่พยุงการบริโภคครัวเรือน (C) เบื้องต้น  คาดว่าจะเป็นมาตรการเดิม อาทิ  เราชนะ เรารัก ฯลฯ   เงินทุนมาจาก พรก. 5 แสนล้านบาทที่ผ่านสภาไปแล้วก่อนหน้า  คาดเป็น Sentiment บวกต่อหุ้นค้าปลีก  แต่คาดมีน้ำหนักน้อยกว่าประเด็น Covid

ส่วนปัจจัยต่างประเทศ  สัปดาห์นี้ประเด็นสำคัญที่มีน้ำหนัก คือ   ในวันที่ 13 ก.ค. จะมีการรายงานตัวเลขยอดการค้า คือ ส่งออกจีน เดือน มิ.ย. ตลาดคาด 23% yoy และ นำเข้า 30% yoy และวันพฤหัสบดี GDP Growth จีน ไตรมาสที่ 2 ปี 2564 ตลาดคาดขยายตัว 8.1% yoy หากออกมาดีเชื่อว่าจะบวกต่อหุ้นส่งออกไทยต่อ  นอกจากปัจจุบันยังมีแรงหนุนจากเงินบาทที่ยังอ่อนค่ายืนเหนือระดับ 32 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ   

 ขณะที่สหรัฐรายงานตัวเลขอัตราเงินเฟ้อสหรัฐ เดือน มิ.ย. ตลาดคาดขยายตัว 4.9% yoy และ 0.4% mom  

อย่างไรก็ตาม ในภาพรวมภายใต้ปัจจัยแวดล้อมดังกล่าวตลาดหุ้นยังมีปัจจัยลบกดดัน  กลยุทธ์การลงทุนยังคงแนะนำ ถือเงินสด  20%  และรอสัญญาณ ซื้อรอบใหม่  ส่วนเงินที่ลงทุนยังเน้นสะสมลงทุน  โดยแนะนำ  Selective หุ้นที่มีปัจจัยหนุนสำคัญ คือ หุ้นที่คาดผลประกอบการ 2Q64 แข็งแกร่ง อาทิ BDMS([email protected])  , GPSC ([email protected]) ,  MCS([email protected])    NER([email protected])   ซึ่ง 2 ตัวหลังยังมีปัจจัยเสริ่มเพิ่มจากแนวโน้มค่าเงินบาทที่อ่อนค่า