TNN online ส.อ.ท.-นักวิชาการหนุนรัฐคุมเข้มพื้นที่เสี่ยง สกัดโควิดคลัสเตอร์ใหม่

TNN ONLINE

Wealth

ส.อ.ท.-นักวิชาการหนุนรัฐคุมเข้มพื้นที่เสี่ยง สกัดโควิดคลัสเตอร์ใหม่

ส.อ.ท.-นักวิชาการหนุนรัฐคุมเข้มพื้นที่เสี่ยง  สกัดโควิดคลัสเตอร์ใหม่

ส.อ.ท.-นักวิชาการหนุนภาครัฐคุมเข้มพื้นที่เสี่ยงกรุงเทพฯ-ปริมณฑล 4 จังหวัดภาคใต้สกัดโควิด คาดผล กระทบธุรกิจวงจำกัดไม่ได้ล็อกดาวน์ทั่วประเทศ หวังหยุดแพร่กระจายคลัสเตอร์ใหม่

นายสุพันธ์ มงคลสุธี   ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) เปิดเผยถึงกรณีที่ราชกิจจานุเบกษา ประกาศมาตรการคุมเข้มโควิด กรุงเทพฯ - ปริมณฑล และ 4 จังหวัดภาคใต้ สั่งปิดแคมป์ก่อสร้าง ร้านอาหารห้ามนั่งกินในร้าน ซื้อกลับบ้านเท่านั้น พร้อมตั้งจุดตรวจคัดกรอง อย่างน้อย 30 วัน มีผลบังคับใช้ 28 มิ.ย.นี้ว่า ไม่มีผลกระทบต่อธุรกิจมากนัก เนื่องจากล็อกดาวน์บางประเภทธุรกิจ ขณะที่ในหลายพื้นที่ไม่ได้ล็อกดาวน์ทำให้ภาพรวมเศรษฐกิจยังสามารถเดินต่อไปได้ ส่วนนโยบายการเปิดประเทศ 120 วันนั้นต้องควบคุมการแพร่ระบาดโควิดให้ดี ซึ่งการนำเข้าวัคซีนทางเลือกเร็วที่สุดช่วยต่อการเปิดประเทศ


สำหรับการปิดแคมป์แรงงานต่างด้าวคุมโควิดนั้น กระทรวงแรงงานมีแผนที่จะช่วยเหลือ โดยจจ่ายเยียวยาสิทธิประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงานจากเหตุสุดวิสัย เนื่องจากถูกปิดตามคำสั่ง ศบค. นอก จากนี้ในส่วนของโครงการลงทุนขนาดใหญ่ที่ใช้แรงงานในการก่อสร้างโครงการนั้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องพิจารณาว่าจะยื้อเวลาให้มากน้อยแค่ไหน เพื่อให้ผลเสียหายน้อยที่สุด 


อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าการแพร่ระบาดโควิดรุนแรงมากขึ้น ซึ่งขอฝากกำลังใจให้หมอและพยาบาลระมัดระวังป้องกันตัวเองให้มากสุดเพราะอยู่ในพื้นที่เสี่ยง


นายเชาว์ เก่งชน กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย กล่าวว่า ในเบื้องต้นจะช่วยควบคุมการแพร่ระบาดในแคมป์ก่อสร้าง แต่จะลดลงมากน้อยแค่ไหนต้องรอดูเวลาอีก 1-2 สัปดาห์ ซึ่งเชื่อว่าภาครัฐต้องชั่งน้ำหนักแล้วว่ามีความจำเป็นและหลีกเลี่ยงกระทบวงกว้างจึงไม่ล็อกดาวน์ทั้งหมด


ส่วนผลกระทบต่อภาคเศรษฐกิจนั้น หากไม่มีมาตรการดังกล่าวออกมาตัวเลขผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นวัน 3,000-4,000 คนต่อวันก็ฉุดกิจกรรมทางเศรษฐกิจลดลงอยู่แล้ว ซึ่งการออกมาตรการครั้งนี้หวังว่าจะช่วยหยุดการแพร่กระจายในคลัสเตอร์ใหม่ นอกจากนี้คงต้องติดตามผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นว่าได้ผลหรือไม่ ถ้ายังไม่เพียงพอตัวเลขผู้ติดเชื้อยังเพิ่มก็ต้องมีมาตรการเพิ่มและดูว่าสาเหตุเกิดจากอะไรแต่ ถ้าเพียงพอก็ถือว่าจบ


ข่าวแนะนำ