TNN online เปิดโพย 10 หุ้นน่าลงทุน ชูธีมเปิดเมือง-แลกการ์ด

TNN ONLINE

Wealth

เปิดโพย 10 หุ้นน่าลงทุน ชูธีมเปิดเมือง-แลกการ์ด

เปิดโพย 10 หุ้นน่าลงทุน   ชูธีมเปิดเมือง-แลกการ์ด

บล.กสิกรไทยมองหุ้นไทยเชิงบวกหลังรัฐเร่งกระจายวัคซีน หวังผู้ติดเชื้อรายใหม่ลด-รัฐคลายมาตรการล็อกดาวน์ในไตรมาส 3/64 ผนวกแผนเปิด 6 จังหวัดรับนักท่องเที่ยวครึ่งปีหลัง เน้นลงทุนได้ประโยชน์เปิดเมือง-หุ้นแลกการ์ด

 รายงานข่าวจากบล.กสิกรไทยแจ้งว่า เห็น upside ใน market EPS ปี 65 คาดว่าประเทศไทยจะฉีดวัคซีนครบ 100 ล้านโดสในช่วงสิ้นปี 64 และเกิดภูมิคุ้มกันหมู่ใน 1Q65 หลังจากที่ไทยเพิ่มปริมาณการฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้กับประชาชนขึ้นเป็น 300,000-420,000 โดส/วัน นับตั้งแต่วันแรกที่เริ่มฉีดให้กับประชาชนแบบปูพรมในวันที่ 7 มิ.ย.2564 โดยจำนวนการฉีดวัคซีนสะสมในประเทศไทยเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วมาอยู่ที่ 6 ล้านโดส ขณะนี้ เทียบกับที่แค่ 4.6 ล้านโดส ระหว่างวันที่ 28 ก.พ.-6 มิ.ย.2564


 ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าประเทศไทยมีศักยภาพมากพอที่จะฉีดวัคซีนได้มากถึง 500,000 โดส/วัน หากสามารถจัดหาวัคซีนมากขึ้น เราคาดว่าประเทศไทยจะได้รับวัคซีนมากขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปีนี้เพราะวัคซีนโควิด-19 จาก 5 บริษัท (AstraZeneca Sinovac J&J Moderna และ Sinopharm) ได้รับการอนุมัติจากองค์การอาหารและยาและจาก 3 บริษัท  (Pfizer Sputnik V และ Biotech) ที่อยู่ระหว่างการพิจารณา และจากปริมาณการฉีดวัคซีนที่ 500,000 โดส/วัน 


ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ เราจึงคาดว่าปริมาณการฉีดวัคซีนของประเทศไทยจะแตะระดับที่ 100 ล้านโดส ในช่วงสิ้นปี 2564 และเกิดภูมิคุ้มกันหมู่ในไตรมาส 1/2565 ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือธปท. คาดว่าแผนการฉีดวัคซีนในประเทศไทย (100 ล้านโดส ในปี 2564 เทียบกับแผนกระจายวัคซีนที่ 65 ล้านโดส) จะช่วยขับเคลื่อนให้เศรษฐกิจขยายตัวขึ้นจากเดิมอีก 4.6 แสนล้านบาท หรือ 3.0%  และคาดว่า GDP ของไทยจะเติบโต 2.0% ในปี 64 และ 4.7% ในปี 65 อิงจากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ 1.2 ล้านคนในปี 64 และ 15 ล้านคน ในปี 65 ซึ่งจะเพิ่ม upside ต่อ market EPS ปี 65  เน้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการเปิดเมืองและหุ้นที่ยังขึ้นช้ากว่าตลาดจากการเร่งฉีดวัคซีนและอัตราตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ 10 ปี ที่ลดลง 30bps ตั้งแต่ เม.ย. ที่ผ่านมา


ทั้งนี้มีมุมมองบวกต่อตลาดหุ้นไทยจากการเร่งฉีดวัคซีนในไทยตั้งแต่ มิ.ย.64 เป็นต้นไป เราจึงคาดว่าจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่จะลดลงและรัฐบาลจะผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ใน 3Q64และจะเดินหน้าแผนเปิด 6 จังหวัดรับนักท่องเที่ยวในช่วงครึ่งหลังของปี 64 เริ่มจากจังหวัดภูเก็ตในเดือน ก.ค. 64 


ดังนั้น เราจึงคาดว่าผู้เล่นในกลุ่มเปิดประเทศจะได้ประโยชน์จากสภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวขึ้นหลังสิ้นสุดวิกฤติโควิด-19 ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้และปี 65 เราเห็นอัตราตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ปรับลดลง 30bps ตั้งแต่ต้น เม.ย. มาอยู่ที่ 1.44% จากการทำ short cover เพราะตลาดมองว่าเงินเฟ้อกำลังจะผ่านระดับสูงสุดของปีใน 2Q64 และจะเริ่มลดลงในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ เราเชื่อว่าอัตราตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลที่ลดลงจะส่งผลบวกต่อตลาดหุ้นจาก earnings yield gap ที่สูงขึ้นและกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีต้นทุนเงินกู้จำนวนมาก (กลุ่มการเงินและสาธารณูปโภค) ซึ่งก่อนหน้านี้ถูกกดดันจากอัตราตอบแทนพันธบัตรที่สูงขึ้นจะกลับมา outperform ตลาด เราคาดว่าหุ้นที่ราคาขึ้นช้ากว่าตลาดดังกล่าวจะ outperform ตลาดใน มิ.ย. - ส.ค.


สำหรับธีมลงทุนและหุ้นเด่นของทึมกลยุทธ์ เราคัดหุ้นในกลุ่ม mid-small cap (BLA ,EPG, SPALI และ SEAFCO) ออก และนำเลือกหุ้นกลุ่ม big cap ที่สัมพันธ์กับกลุ่มเปิดประเทศ/ราคาหุ้นขึ้นช้ากว่าตลาด (BBL, AOT, BEM และ EGCO) เข้ามาแทน  ส่วนธีมการลงทุนที่ชอบมี 5 รูปแบบประกอบด้วย  


 1.ผู้เล่นกลุ่มธนาคาร BBL การที่ธนาคารแห่งประเทศไทยอนุญาตให้กลุ่มธนาคารสามารถจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลได้สะท้อนถึงทิศทางการเติบโตเชิงบวกของสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งของกลุ่มธนาคารไทยและ credit risk ในอนาคต ราคาเป้าหมาย 157 บาท 


 2.ผู้เล่นที่ได้ประโยชน์จากการเปิดประเทศ MINT  ราคาเป้าหมาย 27.25 บาท AOT ราคาเป้าหมาย 59 บาท  CPN ราคาเป้าหมาย 60 บาท  TU ราคาเป้าหมาย 18 บาท  และ PTT ราคาเป้าหมาย  44.60 บาท เราคาดว่าบริษัทเหล่านี้จะได้ประโยชน์จากสภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวขึ้นจากการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์และเปิดประเทศ 


 3. ผู้เล่นที่มีกำไรเติบโตแข็งแกร่ง  KCE ราคาเป้าหมาย 80 บาท  และ CBG 154 บาท  คาดว่า KCE  จะรายงานกำไรสุทธิที่เติบโตขึ้น 92%  และ CBG กำไรสุทธิที่เติบโตขึ้น 15% YoY  การขยายธุรกิจไปยังประเทศจีนจะเป็นปัจจัยบวกต่อ CBG 


 4. ผู้เล่นที่มีการลงทุนในโครงการภาครัฐ (BEM) เป็นหนึ่งในตัวเลือกที่จะชนะประมูลโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงและส้มในปีนี้ราคาเป้าหมาย 9.72 บาท 


 5. ผู้เล่นที่ราคาหุ้นเคลื่อนไหวช้า (EGCO) ราคาหุ้นที่ปรับลดลง 43% ตั้งแต่สิ้นปี 2562 สะท้อนอัตราตอบแทนพันธบัตรที่สูงขึ้นและนโยบายเงินปันผลที่เปลี่ยนแปลงไปแล้ว ราคาหุ้นขณะนี้ซื้อขายด้วย PER ปี 2564 ที่ 9 เท่า และอัตราตอบแทนเงินปันผลที่ 4% และยังสามารถขยายธุรกิจในอนาคตได้อีก ราคาเป้าหมาย  318 บาท 

ข่าวแนะนำ