TNN online โบรกสแกน 7 หุ้นสุดฮอตเก็งกำไร ลุ้นเฟดส่งสัญญาณคิวอี

TNN ONLINE

Wealth

โบรกสแกน 7 หุ้นสุดฮอตเก็งกำไร ลุ้นเฟดส่งสัญญาณคิวอี

โบรกสแกน 7 หุ้นสุดฮอตเก็งกำไร   ลุ้นเฟดส่งสัญญาณคิวอี

โบรกมองหุ้นไทยสัปดาห์หน้าแกว่งไซด์เวย์ ประเมินแนวรับ 1,606 – 1,635 จุด แนวต้าน 1,644 จุด สกรีน 7 หุ้นสุดฮอตเก็งกำไรระหว่างรอผลประชุมเฟดลดหรือไม่ลดคิวอี รู้ผล 17 มิ.ย. นี้

นายฐกฤต ชาติเชิดศักดิ์ ผู้จัดการฝ่ายวิจัย บล.เอเซีย พลัส เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดหุ้นไทยสัปดาห์หน้า ( 14 มิ.ย.- 18 มิ.ย.) ประเมินว่า SET Index มีแนวโน้มแกว่งตัว Side way ในกรอบแนวรับ  1,606 – 1,635 จุด  และแนวต้าน 1,644 จุด เนื่องจากรอความชัดเจนการดำเนินนโยบายการเงินของสหรัฐ โดยเฉพาะการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ในวันที่ 15 มิ.ย.-16 มิ.ย. ซึ่งไทย จะรู้ผลเช้ามืดวันที่  17 มิ.ย.นี้


ทั้งนี้มองใน 2 ประเด็นหลักคือ 1.  Fed ส่งสัญญาณว่าเริ่มใช้นโยบายการเงินตึงตัว อาทิ ขึ้นดอกเบี้ยนโยบายเร็วขึ้นกว่าเดิม  หรือ การลดการเข้าซื้อสินทรัพย์  อาทิ  พันธบัตร  (QE  Tapering) ประเมินว่าจะกดดันตลาดหุ้นทั่วโลกโดยเฉพาะหุ้นกลุ่ม Tech   รวมถึงหุ้นไทย คาดจะได้รับ Sentiment  ลบช่วงสั้น 


อย่างไรก็ตาม  ประเมินว่าตลาดหุ้นไทย ไม่น่าจะปรับฐานแรงเหมือนในอดีตในปี 2556   เพราะดูภาพแวดล้อมปัจจุบัน คือ  สัดส่วนการถือครองหุ้นไทยของต่างชาติอยู่ในระดับต่ำกว่าช่วงก่อน Tapering QE กลางปี 2556 มาก ก่อนการเกิด Tapering QE  รอบนั้น Fund Flow ไหลเข้าหุ้นไทยต่อเนื่อง 5 ปี ด้วยปริมาณสูงถึง 2.8 แสนล้านบาท หนุนต่างชาติมีสัดส่วนการถือครองหุ้นไทยโดยตรงสูงถึง 27.8%


ในปี 2563 - ปัจจุบันปัญหา COVID-19 กดดันต่างชาติยังขายสุทธิหุ้นไทย 3.3 แสนล้านบาท จนทำให้ล่าสุดสัดส่วนการถือครองหุ้นไทยโดยตรงลดลงมาอยู่ในระดับต่ำมากเพียง 21.2% ทำให้แรงขายน่าจะจำกัดมากขึ้น  2. หาก Fed ยังไม่ส่งสัญญาณปรับเปลี่ยนนโยบายการเงินเป็นตึงตัว ประเมินว่าจะหนุนตลาดหุ้นโลก และหุ้นไทย ให้เป็นในทิศทางขาขึ้นได้ต่ออีกในช่วงสั้นๆ    


โดยประเมินว่าระหว่างทั้งสัปดาห์นี้กลุ่มหุ้นที่จะยังมีแรงหนุนเชิงบวกในการลงทุน หรือ เก็งกำไร คือ  กลุ่มหุ้นเปิดเมือง ซึ่งได้อานิสงค์จากการ Recovery ของเศรษฐกิจไทย อาทิ กลุ่ม กลุ่มสายการบิน, กลุ่มขนส่ง, กลุ่มท่องเที่ยวและโรงแรม, กลุ่มธนาคาร, กลุ่มเช่าซื้อ ฯลฯ    เนื่องจาก ตลาดให้น้ำหนักทั้ง รายงานตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่ (New case)  และการเร่งฉีควัคซีน รายวัน ซึ่งเห็นทิศทางดีขึ้น   คือ   New case ค่าเฉลี่ย 7 วัน ปรับลดลงต่อเนื่อง


 ส่วนการเร่งฉีดวัคซีนของรัฐ ยังทำได้ดี เพราะหากดูการฉีดตั้งแต่ วันที 7 มิ.ย. – ปัจจุบัน สามารฉีดได้ราว วันละ 3-4 แสนโดส  หากเป็นแบบนี้และฉีดต่อเนื่องโดยไม่สะดุด  หรือแม้จะชะลอช่วงสั้นไปได้บ้าง  เชื่อว่าจะเป็นไปตามเป้าที่รัฐวางไว้ และช่วงปลายปี 2564  ไทยจะสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ Herd Immunity  ได้หนุนการเปิดเมือง เปิดกิจกรรมเศรฐกิจเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิม   


ล่าสุด  กทม,  ชลบุรี  ทยอยเปิดกิจกรรมเศรษฐกิจ 5 ประเภท อาทิ สปา , คลีนิคเสริมความงาม  สวนสาธารณะ ฯลฯ มีผลทันที 14 มิ.ย.   ดีต่อหุ้นกลุ่มเปิดเมือง    โดยรวมยังแนะนำลงทุนหุ้นเปิดเมืองขนาดใหญ่, พื้นฐานแข็งแกร่ง และที่สำคัญคือ ราคาหุ้นยัง Laggard ตลาด และในกลุ่ม Sector  แนะนำลงทุน กลุ่มขนส่ง คือ BEM ([email protected]) กลุ่มค้าปลีก BJC ([email protected]CPALL ([email protected]HMPRO ([email protected]) กลุ่มธนาคารพาณิชย์  แนะนำเลือก KBANK(FV@B155) 


 กลุ่มรับเหมา :   ล่าสุด รฟม. ออกร่างประกาศและร่างเอกสารประกวดราคาจ้างก่อสร้างงานโยธา โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงเตาปูน - ราษฎร์บูรณะ ราคากลางที่ 7.78 หมื่นล้านบาท ฉบับแรก โดยถึงวันที่  15 มิย.64  ก่อนที่จะมีกำหนดขายซองประกวดราคาในวันที่ 5 ก.ค. - 7 ต.ค. 64 และยื่นขอเสนอช่วงเดือน ต.ค. 64   ถือเป็น Sentiment บวกต่อการเก็งกำไรในหุ้นรับเหมาขนาดใหญ่ (CK, STEC, ITD, UNIQ ) และ  หุ้นเสาเข็มอย่าง SEAFCO และ PYLON  แต่ในเชิงพื้นฐานแนะนำ ซื้อ CK (FV@B22 ) และ STEC (FV@B 18)

ข่าวแนะนำ