คลังปฏิเสธไม่ได้กู้เงินซื้อทองคำเป็นทุนสำรองระหว่างประเทศ
คลังออกโรงแจงข้อเท็จจริงยันไม่ได้กู้เงินซื้อทองคำเป็นทุนสำรองระหว่างประเทศ พร้อมเปิด 6 วัตถุประสงค์กู้เงินตามพรบ.หนี้สาธารณะ
นางแพตริเซีย มงคลวนิช ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ(สบน.) เปิดเผยว่า จากกรณีที่มีการเผยแพร่ข้อความเกี่ยวกับการกู้เงินของรัฐบาลว่า “ในภาวะเศรษฐกิจปัจจุบันทำไมรัฐบาลต้องกู้เงินไปซื้อทองคำจำนวน 43.5 ตัน เพื่อใช้เป็นทุนสำรองระหว่างประเทศ” ผ่าน Facebook page “Open Up” นั้น กระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อสนับสนุนการดำเนินมาตรการทางการคลังและเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมเท่านั้น ไม่ได้กู้เงินเพื่อซื้อทองคำสำหรับเป็นทุนสำรองระหว่างประเทศ และได้บริหารจัดการหนี้สาธารณะและชำระคืนหนี้อย่างครบถ้วน ถูกต้อง และตรงเวลามาอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ตามมาตรา 20 แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. 2548 และที่แก้ไขเพิ่มเติม กำหนดให้กระทรวงการคลังมีอำนาจกู้เงินในนามรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทย ได้เฉพาะ 6 วัตถุ ประสงค์เท่านั้น กล่าวคือ เพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณหรือเมื่อมีรายจ่ายสูงกว่ารายได้ บริหารสภาพคล่องของเงินคงคลัง พัฒนาเศรษฐกิจและสังคม ปรับโครงสร้างหนี้สาธารณะ ให้หน่วยงานอื่นกู้ต่อ และเพื่อพัฒนาตลาดตราสารหนี้
ในภาวะปกติ กระทรวงการคลังจะกู้เงินตามกฎหมายว่าด้วยการบริหารหนี้สาธารณะ เพื่อสนับสนุนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่ง ขันของประเทศ
ทั้งนี้หนี้สาธารณะคงค้าง ณ สิ้นเดือนเมษายน 2564 จำนวน 8.59 ล้านล้านบาท เป็นการกู้เงินเพื่อการลงทุนสูงถึง 70% หรือประมาณ 6 ล้านล้านบาท ทั้งนี้ ตั้งแต่ปี 2557 ถึงปัจจุบัน ประเทศไทยมีการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานมากที่สุดถึง 165 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 2.2 ล้านล้านบาท ในสาขาคมนาคมขนส่ง สาธารณูปการ พลังงาน สังคม และการพัฒนาพื้นที่ ทั่วภูมิภาคและทั่วประเทศ โดยมีโครงการที่แล้วเสร็จและเปิดให้บริการแล้วจำนวน 60 กว่าโครงการ และอยู่ระหว่างการดำเนินการอีกกว่า 105 โครงการ
สำหรับในภาวะที่ไม่ปกติ กระทรวงการคลังจะกู้เงินโดยการตราพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) ซึ่งเป็นกฎหมายพิเศษที่มีลักษณะเป็นการเฉพาะช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง เพื่อใช้ในการแก้ไขปัญหาวิกฤติของประเทศเป็นการเร่งด่วน อาทิ พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินและจัดหาเงินกู้เพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน พ.ศ. 2541 วงเงิน 500,000 ล้านบาท และ พ.ศ. 2545 วงเงิน 780,000 ล้านบาท เพื่อใช้ในการบรรเทาผลกระทบและฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมจากวิกฤติเศรษฐกิจปี 2540 (Asian financial crisis)
พ.ร.ก. ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552 วงเงิน 400,000 ล้านบาท เพื่อใช้ในช่วงที่เกิดวิกฤตสินเชื่อซับไพร์ม (Hamburger crisis) พ.ร.ก. ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ. 2563 วงเงิน 1 ล้านล้านบาท และ พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคม จากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เพิ่มเติม พ.ศ. 2564 วงเงิน 500,000 ล้านบาท