ดาวโจนส์ปิดพุ่งกว่า 180 จุด จากอานิสงส์หุ้นกลุ่มเทคโนโลยี

วันนี้ (25พ.ค.64) ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 3 วันเมื่อคืนนี้ (24 พ.ค.) ขณะที่ดัชนี Nasdaq พุ่งขึ้นกว่า 1.4% เนื่องจากการชะลอตัวของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐเป็นปัจจัยหนุนหุ้นเติบโต (growth stocks) เช่น หุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ของสหรัฐในวันศุกร์นี้ โดยดัชนี PCE เป็นมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสำคัญ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,393.98 จุด เพิ่มขึ้น 186.14 จุด หรือ +0.54% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,197.05 จุด เพิ่มขึ้น 41.19 จุด หรือ +0.99% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,661.17 จุด เพิ่มขึ้น 190.18 จุด หรือ +1.41%

นักวิเคราะห์จากบริษัทเกล็นวิว ทรัสต์ ในรัฐเคนตักกี้ของสหรัฐกล่าวว่า นักลงทุนเข้าซื้อหุ้นเติบโตอย่างคึกคักหลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ และคาดว่าหุ้นเติบโตจะได้รับแรงซื้อส่งเข้าหนุนอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางความหวังที่ว่าหุ้นกลุ่มนี้จะได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ

หุ้น 10 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปรับตัวขึ้น นำโดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและการสื่อสาร โดยหุ้นเฟซบุ๊ก พุ่งขึ้น 2.66% หุ้นแอปเปิล เพิ่มขึ้น 1.33% หุ้นแอมะซอน บวก 1.31% หุ้นเน็ตฟลิกซ์ เพิ่มขึ้น 1.01% หุ้นอัลฟาเบท พุ่งขึ้น 2.92% หุ้นทวิตเตอร์ ทะยานขึ้น 4.81%

หุ้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการเปิดเศรษฐกิจ เช่น กลุ่มสายการบินและกลุ่มธุรกิจเรือสำราญดีดตัวขึ้น โดยหุ้นอเมริกัน แอร์ไลน์ พุ่งขึ้น 1.86% หุ้นยูไนเต็ด แอร์ไลน์ เพิ่มขึ้น 1.52% หุ้นเดลต้า แอร์ไลน์ พุ่งขึ้น 2.12% หุ้นคาร์นิวัล คอร์ป พุ่งขึ้น 2.69% หุ้นรอยัล คาริบเบียน ครูซ ทะยานขึ้น 3.69%