TNN online หุ้นไทยปิดร่วง 23.72 จุด -ระหว่างวันดิ่งแตะ 70 จุดมากสุดในรอบ 5 เดือน

TNN ONLINE

Wealth

หุ้นไทยปิดร่วง 23.72 จุด -ระหว่างวันดิ่งแตะ 70 จุดมากสุดในรอบ 5 เดือน

หุ้นไทยปิดร่วง 23.72 จุด -ระหว่างวันดิ่งแตะ 70 จุดมากสุดในรอบ 5 เดือน

ความกังวลเงินเฟ้อสหรัฐ ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 รุนแรง ฉุดหุ้นไทยปิดร่วง 23.72 จุด ที่ระดับ 1,548.13 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 143,714.02 ล้านบาท ระหว่างวันดัชนีปรับลดลงไปถึง 70.83 จุด ในวันเดียว มากสุดในรอบ 5 เดือน

วันนี้( 13 พ.ค.64) ตลาดหลักทรัพย์ปิดที่ระดับ 1,548.13 จุด ลดลง 23.72 จุด (-1.51%) มูลค่าการซื้อขาย 143,714.02 ล้านบาท

การซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวในแดนลบตลอดทั้งวัน และในช่วงเผชิญแรงขายอย่างหนักจนดัชนีฯร่วงไปราว 70 จุด ก่อนที่จะมีแรงซื้อกลับมาทำให้ดัชนีฯลดช่วงลบได้บ้าง โดยดัชนีทำระดับสูงสุด 1,561.80 จุด และระดับต่ำสุด 1,501.02 จุดส่วนหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้ เพิ่มขึ้น 354 หลักทรัพย์ ลดลง 1,506 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 244 หลักทรัพย์

 บรรยากาศหุ้นไทยวันนี้เคลื่อนไหวในแดนลบ โดยระหว่างวันดัชนีปรับลดลงไปถึง 70.83 จุด ในวันเดียว มากสุดในรอบ 5 เดือน นับจากวันที่ 21 ธ.ค.63 ที่ลดลงไปวันเดียว 80.60 จุด จากนักลงทุนกังวลประเด็นการพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายวันมากถึง 4,887 คน ทำให้เกิดแรงเทขายจำนวนมากก่อนกลับเข้าซื้ออีกครั้ง ส่งผลให้ดัชนีปิดที่1,548.13 จุดลดลง 23.72 จุดหรือ1.51%ด้วยมูลค่า143,714.02 ล้านบาทส่วนตลาดเอ็มเอไอปิดที่475.56 จุดลดลง 12.90 จุดหรือ2.64%ด้วยมูลค่า10,364.75 ล้านบาท

โดยนายสรพล วีระเมธีกุล ผู้อำนวยการอาวุโส บล.กสิกรไทยเปิดเผยว่า ปัจจัยที่ส่งผลให้ดัชนีหุ้นไทยปรับลดลงอย่างรุนแรง เนื่องจากตัวเลขผู้ติดเชื้อรายวันในประเทศยังเพิ่มขึ้นระดับ 2,000 คน ทุกวัน ซึ่งทีโอกาสที่รัฐบาลเพิ่มระยะเวลาขยายมาตรการล็อกดาวน์ธุรกิจ รวมทั้ง 6 จังหวัด กรุงเทพฯ และปริมณฑล ต่อไปอีก รวมทั้งยังมีประเด็นเงินเฟ้อในสหรัฐ ซึ่งอาจทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ชะลอการผ่อนคลายนโยบายการเงิน และอาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดไว้ แนะนักลงทุนติดตามการประชุมเฟด ในวันที่ 16 มิ.ย. ซึ่งจะมีการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจรวมไปถึง เส้นทางดอกเบี้ยในระยะถัดไป

ด้านบล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) ระบุว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวลงในทิศทางเดียวกับตลาดต่างประเทศ โดยตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียต่างปรับตัวลง เช่นเดียวกับตลาดยุโรปร่วงไป 2% ดาวโจนส์ฟิวเจอร์สลงไปกว่า 200 จุด แม้แต่ราคาน้ำมันฟิวเจอร์สก็ร่วงไปกว่า 2%  คาดว่าจะเป็นความกังวลเงินเฟ้อสหรัฐฯที่พุ่งขึ้น วิตกธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยและลดทำ QE เร็วกว่าคาด แต่ทั้งนี้นายริชาร์ด แคลริดา รองประธาน เฟด ออกมาระบุว่าตัวเลขจ้างงานของสหรัฐที่ขยายตัวน้อยกว่าคาดและอัตราเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งในเดือนเม.ย.ไม่ได้ทำให้เฟดมีแผนเปลี่ยนแปลงแนวทางการสนับสนุนเศรษฐกิจให้เติบโต พร้อมระบุว่าเฟดยังจะใช้เวลาอีกระยะหนึ่งก่อนพิจารณาเรื่องการปรับเปลี่ยนนโยบายการเงิน

ส่วนตลาดบ้านเราในการเทรดภาคบ่ายได้เกิด Panic แรงขายออกมาอย่างหนัก จนหลุดแนวรับสำคัญ 1,550 จุด ทำให้มีแรงขายหนักออกมาเพิ่มอีก ส่วนหนึ่งมาจาก Block Trade ที่ทำงานทันทีหลังดัชนีฯร่วงลงอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้นักลงทุนต่างชาติอาจจะตกใจจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศที่เร่งตัวขึ้น จึงขายลดความเสี่ยงก่อน อีกทั้งการปรับลดน้ำหนักหุ้นไทยของ MSCI ที่ออกมาราว 400-500 ล้านเหรียญฯ อาจเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้นักลงทุนต่างชาติจะต้องปรับพอร์ตการลงทุนด้วย

ช่วงที่ผ่านมานักลงทุนต่างชาติและกองทุนในประเทศขายสุทธิออกมาแล้วระดับหนึ่ง และวันนี้ก็คาดว่าจะขายออกมาเพิ่มขึ้นด้วย ขณะที่หุ้นที่โดนเทขายหนักวันนี้เป็นหุ้นขนาดกลางและหุ้นขนาดเล็ก แต่หุ้นขนาดใหญ่อย่างหุ้น PTT และ KBANK สามารถยืนได้ แสดงให้เห็นว่านักลงทุนอาจโยกเม็ดเงินไปพักไว้ที่หุ้นขนาดใหญ่ก่อนก็เป็นได้

ส่วน แนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้ (14 พ.ค.) บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย)   คาดว่า ตลาดฯยังมีโอกาสเกิดเทคนิคเคิลรีบาวด์ได้ในกรอบจำกัด โดยมีแนวรับ 1,520-1,500 จุด ส่วนแนวต้านไว้ที่ 1,550 จุด พร้อมให้ติดตามจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศ และทิศทางตลาดต่างประเทศ รวมถึงการเทรดของบรรดากองทุน

หลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับ ได้แก่

          1.ซีพีออลล์ ปิดที่ 58.00 บาท ลดลง -2.75 บาท

          2.ติดล้อ ปิดที่ 41.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.75 บาท

          3.เอสทีเอ ปิดที่ 46.50 บาท ลดลง 2.25 บาท

          4.ธ.กสิกรไทย ปิดที่ 122.50 บาท เพิ่มขึ้น 3.00 บาท

          5.เอสทีจีที ปิดที่ 45.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท

ข่าวแนะนำ