TNN online บลจ.กสิกรไทยจ่ายปันผล 8 กองทุน 371 ล้าน ดีเดย์ 14 พ.ค. นี้

TNN ONLINE

Wealth

บลจ.กสิกรไทยจ่ายปันผล 8 กองทุน 371 ล้าน ดีเดย์ 14 พ.ค. นี้

 บลจ.กสิกรไทยจ่ายปันผล 8 กองทุน 371 ล้าน ดีเดย์ 14 พ.ค. นี้

บลจ.กสิกรไทย ประกาศจ่ายปันผล 8 กองทุน FIF รวมกว่า 371 ล้านบาท ดีเดย์ 14 พ.ค. นี้ ชี้หุ้นโลกไปต่อกำไรบริษัทจดทะเบียน- เศรษฐกิจโลกฟื้น

นายนาวิน อินทรสมบัติ  รองกรรมการผู้จัดการ สายงานจัดการลงทุนต่างประเทศ บลจ.กสิกรไทย  เปิดเผยว่า บลจ.กสิกรไทย จ่ายปันผลกองทุนต่างประเทศ ณ รอบผลการดำเนินงานจนถึงวันที่ 30 เมษายน 2564 จำนวน 8 กองทุน ได้แก่ กองทุนเปิดเค โกลบอล อีเมอร์จิ้ง มาร์เก็ต ออพพอร์ทูนนิตี้ (K-GEMO) ในอัตรา 0.20 บาทต่อหน่วย กองทุนเปิดเค ยูเอสเอ หุ้นทุน-A ชนิดจ่ายเงินปันผล (K-USA-A(D)) ในอัตรา 0.50 บาทต่อหน่วย 


กองทุนเปิดเค ยูโรเปียน หุ้นทุน (K-EUROPE) ในอัตรา 0.25 บาทต่อหน่วย กองทุนเปิดเค ยูโรเปียน ซิลเวอร์เอจ หุ้นทุน (K-EUSAGE) ในอัตรา 0.50 บาทต่อหน่วย กองทุนเปิดเค เอเชียน สมอลเลอร์ หุ้นทุน (K-ASIA) ในอัตรา 0.20 บาทต่อหน่วย กองทุนเปิดเค โกลบอล เฮลท์แคร์ หุ้นทุน (K-GHEALTH) ในอัตรา 0.20 บาทต่อหน่วย กองทุนเปิดเค โกลบอล เฮลท์แคร์ หุ้นทุน Unhedged (K-GHEALTH(UH)) ในอัตรา 0.20 บาทต่อหน่วย และกองทุนเปิดเค อินเดีย หุ้นทุน (K-INDIA) ในอัตรา 0.20 บาทต่อหน่วย โดยทั้งหมดมีกำหนดจ่ายปันผลพร้อมกันในวันที่ 14 พฤษภาคม 2564 รวมมูลค่าทั้งสิ้น 371.79 ล้านบาท

 

อย่างไรก็ตาม กองทุนที่จ่ายปันผลในรอบนี้มีกองทุนที่ได้รับการจัดอันดับ Morningstar ในประเภท Overall Rating อยู่ทั้งหมด 5 กองทุน ได้แก่ กองทุน K-USA-A(D), K-EUROPE และ K-GHEALTH ได้รับการจัดอันดับ 5 ดาว ส่วนกองทุน K-GEMO และ K-GHEALTH(UH) ได้รับการจัดอันดับ 4 ดาว ทั้งนี้ ผู้ลงทุนสามารถพิจารณาผลการจัดอันดับเพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจลงทุนได้  โดยกสิกรไทย มุ่งมั่นที่จะรักษามาตรฐานการบริหารกองทุน เพื่อสร้างผลการดำเนินให้ดีอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งคำนึงถึงการบริหารความเสี่ยงอย่างเหมาะสมภายใต้ความผันผวนของตลาดด้วยเช่นกัน


สำหรับภาพรวมตลาดหุ้นโลกยังไปต่อได้ โดยมีปัจจัยสนุนจากการเติบโตของกำไรบริษัทจดทะเบียนที่ประกาศออกมาของฝั่งสหรัฐฯและยุโรปส่วนใหญ่ดีกว่าที่คาดไว้ เศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องจากความคืบหน้าการฉีดวัคซีน รวมถึงนโยบายที่ยังผ่อนคลายและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจขนาดใหญ่ 


ทั้งนี้มีมุมมองเชิงบวกต่อหุ้นประเทศเกิดใหม่ โดยเฉพาะเอเชีย จากอุตสาหกรรมที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี นวัตกรรมที่พัฒนาต่อเนื่อง และอุปสงค์ภายในที่เติบโตดี ขณะที่การค้าโลกที่ฟื้นตัวจะช่วยหนุนหุ้นกลุ่มส่งออกด้วย รวมถึงหุ้นกลุ่มสุขภาพทั่วโลก โดยปัจจุบันยังซื้อขายในระดับราคาที่ถูก โดยนวัตกรรมทางการแพทย์ที่ก้าวกระโดด สังคมผู้สูงอายุ การเข้าถึงประเทศเกิดใหม่มากขึ้น (EM Penetration) และการควบรวมกิจการ (M&A) จะช่วยหนุนหุ้นกลุ่มนี้ให้เติบโตได้ในระยะยาว


ส่วนหุ้นอินเดีย แม้ยังน่าสนใจเนื่องจาก ราคาหุ้นปรับตัวลงมาอยู่ที่ระดับค่าเฉลี่ยเมื่อเทียบกับกลุ่มประเทศเกิดใหม่ จากที่เคยซื้อขายแพง แต่ยังต้องจับตาสถานการณ์ระบาดโควิด-19 อย่างใกล้ชิดอยู่ อย่างไรก็ตาม ผู้ลงทุนควรจับตาช่วงครึ่งปีหลังในประเด็นอัตราเงินเฟ้อที่อาจเพิ่มขึ้นมากกว่าคาดการณ์ การจัดการต่อสถานการณ์โควิด-19 ภายใต้การฉีดวัคซีนที่ดำเนินไปในวงกว้างหลายประเทศทั่วโลก

 

ผู้ลงทุนที่สนใจกองทุน K-GEMO, K-USA-A(D), K-EUROPE, K-EUSAGE, K-ASIA, K-GHEALTH, K-GHEALTH(UH) และ K-INDIA สามารถเริ่มต้นลงทุนได้เพียง 500 บาท ผ่าน App K PLUS, K-My Funds และธนาคารกสิกรไทย รวมถึงผู้สนับสนุนการขายและรับซื้อคืนหน่วยลงทุน 


อย่างไรก็ดี ผู้ลงทุนโปรดทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน กองทุนมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนไม่น้อยกว่า 75% ของมูลค่าเงินลงทุนในต่างประเทศ ทั้งนี้ กองทุนมิได้ป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน ผู้ลงทุนจึงอาจขาดทุนหรือได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน หรือ ได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้

ข่าวแนะนำ