หุ้นเด่นว้นนี้! โบรกคัด 10 หุ้นหลุมหลบภัยช่วงดัชนีร่วง

นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย)  เปิดเผยว่า  ตลาดหุ้นไทยวันนี้ ย่อสร้างฐาน หลังจากเงินเฟ้อสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นมากกว่าคาด กรอบแนวรับ 1,550 จุด และแนวต้าน 1,580 จุด เน้นหุ้นแนวโน้มกำไรเติบโตดี โดยหุ้นเด่นวันนี้แนะนำ   WICE  คาดแนวโน้มงบไตรมาส 1/64 ยังคงยอดเยี่ยม และลุ้นทำสถิติสูงสุดใหม่ได้อีกครั้งที่ 67 ล้านบาท   (+13.1% QOQ และ+122.0% YOY)  สำหรับการฟื้นตัวของเศรษฐ์กิจทั่วโลกทำให้บริษัทย่อยในสิงคโปร์ ไทย จีน ฮ่องกง ซึ่งเป็นฐานการส่งออกไปยังผู้บริโภคทั่วโลกทำงานได้เต็มที่ทุกจุดเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 7.6 บาท

หุ้นเด่นถัดมา NER (upgrade) ปรับประมาณการกำไรปี 64 ขึ้น 27% หลังพบว่าออร์เดอร์เตรียมส่งมอบถึง ต.ค. 64 มีแนวโน้มอัตรากำไรขั้นต้นในระดับสูงต่อจากไตรมาส 1/64 ที่ทำได้ดีมาก จากอุปสงค์ยางจากจีนที่สูง, matching ออร์เดอร์ ขายและการผลิตที่ดี, การเตรียมการด้านวัตถุดิบล่วงหน้าที่ดีเป้าหมายเชิงกลยุทธ์  7.7 บาท

รายงานข่าวจากบล.ไทยพาณิชย์แจ้งว่า คาดดัชนีปรับลง จากปัจจัยกดดันภายนอกความกังวลเงินเฟ้อสหรัฐที่เร่งตัวขึ้น ทำให้เฟดอาจจะลด QE และขึ้นดอกเบี้ยเร็วกว่าคาด เป็นลบต่อสินทรัพย์เสี่ยงอย่างตลาดหุ้น โดย SET มีแนวรับถัดไปที่ 1,560 และ 1,547จุด ส่วนระหว่างวันยังมีความผันผวนจากแรงซื้อเก็งกำไรในหุ้น DELTA ที่มีอิทธิพลต่อการเคลื่อนไหว SET อยู่ แต่กรอบบนมองจำกัดที่ 1,577-1,582 จุด กลยุทธ์อาศัยจังหวะดัชนีฟื้นตัวกระชับพอร์ต ลดหุ้นให้เหลือน้อยตัว 

ทั้งนี้มอง SET มี downside risk แนะนำในหุ้น defensive & valuation play ที่คาดว่าจะเป็นหลุมหลบภัยยามตลาดปรับลดลงและผันผวนสูง ADVANC, EA, GULF, PTT, TU

หุ้นเด่นวันนี้แนะนำ ADVANC (ราคาเป้าหมาย 220.00 บาท) คาดว่าราคาหุ้นสะท้อนปัจจัยกดดันในเรื่องผลประกอบการไปมากแล้ว โดยเป็นหุ้น defensive ที่ดีท่ามกลางความไม่แน่นอนค่อนข้างสูงของผลประกอบการในอุตสาหกรรมอื่นๆ ขณะที่คาดผลประกอบการจะกลับมาเติบโตในปีหน้า  ระมัดระวังความผันผวน CPALL หลังงบ 1Q64 กำไรต่ำกว่าคาด และปรับประมาณการฯ ปีนี้-ปีหน้าลง

 รายงานข่าวจากบล.เอเซียพลัสชู 3 หุ้นเด่น นำโดย  BLA ([email protected])   คาดกำไรสุทธิปี 64 จะเพิ่มขึ้นถึง 109.6% yoy จากฐานกำไรที่ต่ำในปี 2563 เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายพิเศษเกี่ยวกับการปรับปรุงนโยบายการตั้งสำรองค่าเผื่อความผันผวน (Provision for Adverse Deviation:PAD) เพิ่มขึ้นเป็น 5% ของสัญญาประกันชีวิตโดยฝ่ายวิจัยประเมินว่าทิศทาง Bond yield จะยังคงอยู่ในระดับสูง และผลการดำเนินงานของ BLA ได้ผ่านจุดต่ำสุดในปี 2563 ไปแล้ว ขณะที่ราคาหุ้นมีค่า PBV เพียง 0.9 เท่า 

ตามติดด้วย TVO ([email protected])   ประเมินกำไรปกติ 1Q64 ขยายตัวจาก 497 ล้านบาท ในงวด 4Q63 และเติบโต YoY ต่อในงวด 2Q64 หนุนด้วย Gross Margin สูงขึ้น ตามราคาขายกากถั่วเหลืองและแนวโน้มน้ำมันถั่วเหลืองสูงขึ้น  คาดต้นทุนเมล็ดถั่วเหลืองของ TVO เพิ่มในอัตราต่ำกว่า หลังมีการทำสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเมล็ดถัวเหลืองราคาต่ำครอบคลุม 1Q64 ทั้งหมด และ 2Q64 ราว 50% - 60% ของปริมาณที่จะนำเข้าเมล็ดถั่วเหลือง  คงประมาณการ Norm EPS ปี 2564 ที่ 2.44 บาทต่อหุ้น เติบโต 17% yoy อิง PER 15 เท่า ให้ FV ปี 64 ที่ 37 บาท พร้อมคาด Div Yield ปี 2564 ราว 6%

หุ้นเด่นวันนี้ที่น่าสนใจอีกตัวคือ  SCCC ([email protected])   คาดกำไรสุทธิปี 64 อยู่ที่ 3.4 พันล้านบาท โดยคาดหวัง Demand ปูนซีเมนต์จะกลับมาฟื้นตัวได้อีกครั้งหลังมีสัญญาณที่ดีของวัคซีนป้องกัน COVID-19 นับจากนี้ และหลายประเทศเร่งนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน นอกจากนี้ปัญหาการออกใบอนุญาตก่อสร้างในนครโฮจิมินส์ซิตี้เริ่มผ่อนคลายลง และโมเมนตัมการใช้ปูนซีเมนต์ในศรีลังกาที่ขยายตัวต่อเนื่องหลังการเลือกตั้งในปี 2562 เสร็จสิ้น ซึ่งถือว่าดีต่อผลประกอบการ SCCC ในปีนี้

รายงานข่าวจากบล.หยวนต้า (ประเทศไทย) แจ้งว่า  ตลาดหุ้นไทยคงหลีกเลี่ยง Sentiment เชิงลบได้ยากวันนี้ เราคาด SET INDEX พักฐานลงสู่กรอบล่าง บริเวณ 1,555-1,560 จุด ในเชิงกลยุทธ์ นักลงทุนควรเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้นในช่วงเวลาที่ตลาดหุ้นมีความผันผวนมากเช่นนี้

สำหรับหุ้นเด่นในวันนี้มี 4 ตัว นำโดย SAMART  ราคาเป้าหมาย 9.70 บาท เราประเมินว่าหุ้นขนาดกลางที่มีประเด็นบวกเฉพาะตัว มีแนวโน้มเคลื่อนไหวได้ดีกว่าตลาด เนื่องจากหุ้นใหญ่จะเคลื่อนไหวผันผวนมาก จากการปรับพอร์ตของนักลงทุนทั่วโลกหลังสหรัฐฯ รายงานเงินเฟ้อเดือน เม.ย. +4.2% YoY สูงกว่าคาด และการปรับน้ำหนักดัชนี MSCI ที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 27 พ.ค.  SAMART มี Hidden Asset คือมูลค่าเงินลงทุนใน SAV ที่คาดว่าจะใกล้เคียงกับ Market Cap ของบริษัทที่ราว 8-9 พันลบ. หากมีการ Divest เงินลงทุนจะส่งผลบวกต่อกำไรสุทธิโดยตรง ทางเทคนิคแนวต้าน 9.30 บาท และ 9.70 บาท Stop loss หากต่ำกว่า 8.50 บาท 

หุ้นเด่นวันนี้ต่อมาคือ WORK  ราคาเป้าหมาย 21 บาท รายงานกำไรสุทธิ 1Q64 ที่ 118 ล้านบาท  เติบโต +154% YoY และ +237% QoQ ออกมาดีกว่าคาดมาก จากการบริหารต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ แม้รายได้จะลดลง -4% YoY และ -10% QoQ ที่ 580 ล้านบาท   กำไรสุทธิ 1Q64 คิดเป็น 54% ของประมาณการทั้งปีเดิม ส่งผลให้เราปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 2564 ขึ้นจากเดิม 63% เป็น 353 ลบ. เติบโต +122% YoY และคาดว่าราคาหุ้นจะตอบรับเชิงบวกหลังรายงานงบออกมาดี 

หุ้นเด่นวันนี้อีกตัวคือ STI    ราคาเป้าหมาย 9.20 บาทรายงานกำไรสุทธิ 1Q64 ที่ 118 ล้านบาท   เติบโต +154% YoY และ +237% QoQ ออกมาดีกว่าคาดมาก จากการบริหารต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ แม้รายได้จะลดลง -4% YoY และ -10% QoQ ที่ 580 ล้านบาท  กำไรสุทธิ 1Q64 คิดเป็น 54% ของประมาณการทั้งปีเดิม ส่งผลให้เราปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 2564 ขึ้นจากเดิม 63% เป็น 353 ลบ. เติบโต +122% YoY และคาดว่าราคาหุ้นจะตอบรับเชิงบวกหลังรายงานงบออกมาดี 

หุ้นเด่นวันนี้ปิดท้ายที่  BGRIM   ราคาเป้าหมาย  44.50 บาท รายงานกำไรสุทธิ 1Q64 ที่ 118 ล้านบาท   เติบโต +154% YoY และ +237% QoQ ออกมาดีกว่าคาดมาก จากการบริหารต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ แม้รายได้จะลดลง -4% YoY และ -10% QoQ ที่ 580 ล้านบาท  กำไรสุทธิ 1Q64 คิดเป็น 54% ของประมาณการทั้งปีเดิม ส่งผลให้เราปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 2564 ขึ้นจากเดิม 63% เป็น 353 ล้านบาท   เติบโต +122% YoY และคาดว่าราคาหุ้นจะตอบรับเชิงบวกหลังรายงานงบออกมาดี