TNN online บาทเปิดแข็งค่า ที่ระดับ 31.23 บาทต่อดอลลาร์ ตลาดเปิดรับความเสี่ยงมากขึ้น

TNN ONLINE

Wealth

บาทเปิดแข็งค่า ที่ระดับ 31.23 บาทต่อดอลลาร์ ตลาดเปิดรับความเสี่ยงมากขึ้น

บาทเปิดแข็งค่า ที่ระดับ  31.23 บาทต่อดอลลาร์ ตลาดเปิดรับความเสี่ยงมากขึ้น

บาทเปิดแข็งค่า ที่ระดับ 31.23 บาทต่อดอลลาร์ หลังตลาดเงินกลับมาเปิดรับความเสี่ยง คาดวันนี้เคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับ 31.15 - 31.30 บาท/ดอลลาร์

วันนี้(7 พ.ค.64) นายพูน  พานิชพิบูลย์ นักวิเคราะห์ประจำห้องค้าเงิน ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้เปิดตลาด ที่ระดับ  31.23 บาทต่อดอลลาร์  แข็งค่าขึ้น จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 31.26 บาทต่อดอลลาร์ 

ทั้งนี้ ผู้เล่นส่วนใหญ่ในตลาดการเงินกลับมาเดินหน้าเปิดรับความเสี่ยงมากขึ้น (Risk-On) หนุนโดยรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่ออกมาดีกว่าคาดและรายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนส่วนใหญ่ก็ออกมาดีกว่าที่ตลาดมองไว้เช่นกัน โดยในฝั่งสหรัฐฯ นักลงทุนยังคงเชื่อมั่นในการฟื้นตัวเศรษฐกิจและเลือกที่จะลงทุนในหุ้นกลุ่ม Cyclical ตามธีม Reflation trade หนุนให้ ดัชนี Dowjones ของสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นกว่า 0.93% ทำจุดสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์ ส่วน ดัชนี S&P500 ของสหรัฐฯ ก็ปิดบวก 0.82% เตรียมทำจุดสูงสุดใหม่เช่นกัน ขณะที่ ดัชนีหุ้นเทคฯ Nasdaq ปรับตัวขึ้นเพียง 0.37% ทั้งนี้ปัจจัยที่ขับเคลื่อนตลาดในฝั่งสหรัฐฯ ยังคงเป็นความหวังต่อการฟื้นตัวเศรษฐกิจ หลังจากข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯ ออกมาดีเกินคาด โดยล่าสุด ยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานครั้งแรก (Initial Jobless Claims) ลดลงเหลือเพียงราว 5 แสนราย ต่ำสุดนับตั้งแต่เกิดวิกฤติ COVID-19 (ในปี 2019 เฉลี่ยอยู่ที่ 2-3 แสนราย)

อย่างไรก็ดี ในฝั่งตลาดบอนด์ ยีลด์ 10ปี สหรัฐฯ กลับไม่ได้ปรับตัวขึ้นตาม Risk-Appetite ของตลาดที่เพิ่มสูงขึ้น โดยบอนด์ยีลด์ 10ปี สหรัฐฯ ยังคงทรงตัวที่ระดับ 1.57% และยังคงเห็นผู้เล่นบางส่วนทยอยเข้าซื้อบอนด์ระยะยาว เมื่อยีลด์ปรับตัวขึ้น (Buy on Dip) 

ในฝั่งตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก โดยล่าสุด ดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ปรับตัวลดลงกว่า 0.4% สู่ระดับ 90.87 จุด ท่ามกลางภาวะเปิดรับความเสี่ยงของตลาด ทำให้ตลาดลดการถือครองหลุมหลบภัย (Safe Haven) อย่างเงินดอลลาร์ อย่างไรก็ดี เรามองว่า ตลาดจะรอคอยการรายงานข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯ โดยเฉพาะยอดการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรม (Nonfarm Payrolls) ก่อนที่จะมีการปรับเปลี่ยนการถือครองเงินดอลลาร์ต่อไป โดยยอดการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรมที่ออกมาดีเกินคาด (มากกว่า 1 ล้านราย) อาจช่วยหนุนให้ตลาดยังคงอยู่ในภาวะเปิดรับความเสี่ยงและกดดันให้เงินดอลลาร์อ่อนค่าลงหรือทรงตัวที่ระดับใกล้ 90.8 จุด

แนวโน้มการฟื้นตัวเศรษฐกิจในหลายประเทศ อาทิ สหรัฐฯ จีน และยุโรป ได้ช่วยหนุนความต้องการสินค้าโภคภัณฑ์ นอกจากนี้ ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ยังได้รับแรงหนุนจากการอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์ ทำให้โดยรวม ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง โดย ดัชนีราคาสินค้าโภคภัณฑ์ (Bloomberg Commodity Index) ได้ปรับตัวขึ้นกว่า 0.7% นำโดยการปรับตัวขึ้นต่อเนื่องของราคาเหล็กและทองแดง

สำหรับวันนี้ ตลาดจะติดตามแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยตลาดคาดว่า ตลาดแรงงานสหรัฐฯจะฟื้นตัวแข็งแกร่ง สะท้อนผ่าน ยอดการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรม (Nonfarm Payrolls) ในเดือนเมษายนที่จะเพิ่มขึ้น ราว 9.8 แสนราย และส่งผลให้ อัตราการว่างงานลดลงเหลือ 5.8% 

ส่วนแนวโน้มค่าเงินบาท เรามองว่า แม้ว่าเงินดอลลาร์จะอ่อนค่าลงท่ามกลางภาวะเปิดรับความเสี่ยง กดดันให้เงินบาทพร้อมแข็งค่าขึ้น แต่ในระยะสั้น เงินบาทยังมีโอกาสเผชิญความผันผวนจากปัญหาการระบาดของ COVID-19 ในประเทศ ซึ่งอาจทำให้ นักลงทุนต่างชาติเร่งเทขายสินทรัพย์เสี่ยงไทยมากขึ้น โดยต้องติดตามแรงเทขายหุ้นไทยจากนักลงทุนต่างชาติ เพราะหากนักลงทุนต่างชาติเริ่มขายหุ้นไทยหนักขึ้นมากกว่าแรงซื้อบอนด์สุทธิ (ตลาดสัปดาห์ที่ผ่านมา นักลงทุนต่างชาติเป็นฝั่งซื้อสุทธิบอนด์ไทย) ก็อาจทำให้ ฟันด์โฟลว์โดยรวมเป็นไหลออกสุทธิและกดดันเงินบาทได้ อย่างไรก็ดี เรามองว่า เงินบาทอาจไม่อ่อนค่าไปมาก เพราะทิศทางเงินดอลลาร์ก็ยังไม่กลับมาแข็งค่าหนัก เว้นว่า ตลาดจะปิดรับความเสี่ยงรุนแรงจนทำให้ นักลงทุนต้องการสินทรัพย์ปลอดภัย (Safe Haven) ขณะเดียวกัน เราเริ่มเห็นสัญญาณการกลับเข้ามาเก็งกำไรเงินบาทแข็งค่า ผ่านการซื้อสุทธิบอนด์ระยะสั้นของนักลงทุนต่างชาติมากขึ้น

มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 31.15 - 31.30 บาท/ดอลลาร์

ข่าวแนะนำ