นักลงทุนแห่เทขายหุ้นแบงก์ หวั่นตั้งสำรองเพิ่ม-เลื่อนใช้ฟรีโฟลท
นักลงทุนแห่เทขายหุ้นกลุ่มแบงก์ กังวลตั้งสำรองเพิ่ม หลังครม.ส่งสัญญาณธปท.หารือแบงก์ขยายเวลายืดหนี้พักหนี้ให้ลูกหนี้ออกไปอีกในช่วงโควิดระบาดรอบใหม่ ผสมโรงตลท.ชะลอการใช้เกณฑ์คำนวณดัชนี Free Float กดหุ้นร่วง
ตลาดหุ้นไทยเมื่อวานนี้ปิดแดงยกแผงร่วง 33.91 จุด หรือ 2.14 % ปิดที่ 1,549.22 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 127,109.24 ล้านบาท จากความกังวลปัจจัยนอกประเทศ หลังจากนางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ ออกมาให้มุมมองดอกเบี้ยสหรัฐฯว่า อาจปรับขึ้น เพื่อลดความร้อนแรงของเศรษฐกิจสหรัฐ ผสมโรงกับการระบาดของโควิด-19 ในประเทศที่ยอดผู้ติดเชื้อพุ่งไม่หยุดและไม่มีท่าทีว่าจะลดลงเป็นปัจจัยบั่นทอนการลงทุนและกระทบต่อ Fund Flow
ผนวกกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ประกาศชะลอการใช้เกณฑ์การคำนวนดัชนีด้วยวิธี Free Float Adjusted Market Cap จากเดิมคาดว่า จะเริ่มนำมาใช้กับบางดัชนีในช่วง 2H64 หลังจากมีการรับฟังความคิดเห็นตั้งแต่กลางเดือน มี.ค.ถึงต้นเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา กดหุ้นในกลุ่มแบงก์ปรับตัวลงแรง หลังจากที่มีการเก็งกำไรก่อนหน้าว่าหุ้นตัวไหนที่ได้รับประโยชน์จากมาตรการดังกล่าวกันบ้าง ทันทีที่มีข่าวออกมาทำให้มีการเทขายหุ้นกลุ่มแบงก์กันอย่างหนัก นำโดย SCB ลง 5 บาท หรือ 4.76% ปิดที่ 100 บาท KBANK ลง 6 บาท หรือ 4.55% ปิดที่ 126 บาท BBL ลง 3.50 บาท 2.88% ปิดที่ 118 บาท TISCO ลง 3 บาทหรือ 3.24% ปิดที่ 89.50 บาท KKP ลง 1.25 บาทหรือ 2.15 % ปิดที่ 57 บาท KTB ลง 0.10 บาท หรือ 0.88% ปิดที่ 11.20 บาท
นายชัยยศ จิวางกูร ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล. กรุงศรี มองว่า นักลงทุนเกิดการตื่นตะหนกหุ้นในกลุ่มธนาคารพาณิชย์หลังจากคณะรัฐมนตรีให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ประสานกับธนาคารพาณิชย์ขยายมาตรการพักชำระหนี้ให้ผู้ได้รับผลกระทบโควิดรอบ 3 และมีความกังวลว่าแบงก์อาจจะต้องตั้งสำรองเพิ่ม แต่เชื่อว่าไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อผลประกอบการธนาคารมากนัก เนื่องจากในปี 63 ที่ผ่านมาแบงก์มีการตั้งสำรองไว้ในระดับสูง หลังจากเจอโควิดรอบแรก และครอบคลุมกรณีเกิดเหตุที่อยู่นอกเหนือการคาดการณ์ไว้แล้ว ขณะที่หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้หรือเอ็นพีแอลไม่น่าเพิ่มสูงนัก
นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า สาเหตุที่ทำให้ตลาดหุ้นไทยวานนี้ปรับตัวลดลงแรง เนื่องจากสหรัฐฯ อาจปรับขึ้นดอกเบี้ยเร็วกว่าคาด และความกังวลการระบาดของโควิด-19 ในประเทศ แต่เชื่อว่ากระทบระยะสั้น โดยสิ่งที่หนุนตลาดหุ้นในช่วงที่ผ่านมาคือกระแสเงินทุน หากมีข่าวเข้ามามีผลให้โฟลว์ไหลออกได้ ดังนั้น ยังไม่ปรับประมาณการเป้าหมายดัชนีตลาดหุ้นไทยในปีนี้ โดยคงเป้าหมายไว้ที่ 1,670 จุด ขณะที่กรอบล่างประเมินไว้ที่ 1,550 จุด แต่หากหลุดกรอบล่างไปแตะที่ 1,530 จุด ก็เป็นจุดที่ควรเข้าทยอยซื้อหุ้น ส่วนหุ้นที่น่าลงทุนคือกลุ่มโภคภัณฑ์ และกลุ่มหลีกเลี่ยงคือกลุ่มท่องเที่ยว โรงแรม และสายการบิน