หุ้นไทยดิ่งหนัก! ต่างชาติ-สถาบันเทกระจาด มูลค่าซื้อขายสูงสุดรอบ4เดือน
ตลาดหุ้นไทยดิ่ง 33.91 จุด หลังเผชิญปัจจัยลบทั้งใน-นอกประเทศรุมเร้า มูลค่าซื้อขายสูงสุดรอบ 4 เดือน โบรกชี้โควิดกระทบดัชนีช่วงสั้น แต่ระยะกลาง-ยาวยังไปต่อ แนะช้อนซื้อหุ้นกำไรโตโดดเด่น
นายชาญชัย พันทาธนากิจ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส เปิดเผยถึงภาวะตลาดหุ้นไทยปิดที่ 1,549.22 จุด ลบ33.91 จุด หรือ-2.14 % ระหว่างวันเคลื่อนไหวสูงสุด 1,583.27 จุด ต่ำสุด 1,547.35 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 127,109.24 ล้านบาทว่า ตลาดหุ้นไทยปิดลบเป็นผลมาจากปัจจัยภายในและภายนอกประเทศรุมเร้า หลังจากที่นางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ ออกมาให้มุมมองดอกเบี้ยสหรัฐฯว่า อาจปรับขึ้น เพื่อไม่ให้เศรษฐกิจสหรัฐร้อนแรงเกินไป ซึ่งเป็นการลดทอนการลงทุนและกระทบต่อ Fund Flow
ทั้งนี้เห็นว่าควรให้น้ำหนักไปที่นายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐหรือเฟดมากกว่าที่ก่อนหน้านี้ออกมาระบุว่ายังใช้นโยบายการเงินที่ผ่อนคลาย โดยต้องดูท่าทีของพาวเวลล์ต่อไปว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่
ส่วนปัจจัยในประเทศที่กดดัชนีเป็นเรื่องของผู้ติดเชื้อโควิดที่อยู่ระดับ 1,000 กว่ารายถึง 2,000 ราย และยังประเมินยากว่าผ่านจุดพีคไปแล้วหรือยัง จากสมมุติฐานเดิมที่คาดว่าโควิดจะจบในเดือนเม.ย. จีดีพีไม่หลุด 2% แต่ปัจจุบันตัวเลขผู้ติดเชื้อยังเพิ่มขึ้นลากยาวคาดว่าจะฉุดจีดีพีปรับตัวลงต่อ ซึ่งเป็น sentiment เชิงลบต่อตลาด
นอกจากนี้ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ประกาศชะลอการใช้เกณฑ์การคำนวนดัชนีด้วยวิธี Free Float Adjusted Market Cap (จากเดิมคาดว่า จะเริ่มนำมาใช้กับบางดัชนีในช่วง 2H64 หลังจากมีการรับฟังความคิดเห็นตั้งแต่กลางเดือน มี.ค.ถึงต้นเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา) โดยจะใช้วิธีเดิมไปก่อน ด้วยการใช้มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดในการคำนวณดัชนี( Full Market Capitalization) จึงเป็นปัจจัยกดดันหุ้นบางตัว จากที่เก็งกำไรมาก่อนหน้านี้ โดยเฉพาะหุ้นในกลุ่มแบงก์ปรับตัวลงแรง
" มูลค่าการซื้อขายหุ้นไทยวันนี้พบว่า นักลงทุนสถาบันขายสุทธิ 637.34 ล้านบาท บัญชีบล.ขายสุทธิ 2,064.22 ล้านบาท ต่างประเทศขายสุทธิ 10,475.57ล้านบาท ขณะที่นักลงทุนในประเทศซื้อสุทธิ 13,177.14 ล้านบาท โดยมูลค่าการซื้อขายวันนี้ถือว่าสูงสุดในรอบ 4 เดือนนับจากม.ค.ที่ผ่านมา "
สำหรับภาพรวมตลาดยังถูกกดดันจากการแพร่ระบาดโควิดในประเทศ แต่เชื่อว่าเป็นปัจจัยกดดันระยะสั้น แต่ระยะกลางและระยาวตลาดหุ้นไทยยังน่าไปได้ต่อ หลังจากที่ consensus ปรับ EPS มาอยู่ที่ระดับ 81.50 บาทต่อหุ้น ส่วนการที่กนง.คงดอกเบี้ย 0.5% นั้นคาดว่าตรึงไปจนถึงสิ้นปีนี้ ทำให้สภาพคล่องในระบบเพิ่มและอาจเห็นเม็ดเงินไหลเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้น เพื่อหาผลตอบ แทนที่เพิ่มขึ้น
ด้านกลยุทธ์การลงทุนย่อซื้อแนวรับแรกที่ 1,546 จุด แนวรับถัดไปที่ 1,530 จุด เน้นลงทุนหุ้นที่คาดว่าผลประกอบการปีนี้เติบโต งบไตรมาส 1/64 โตโดดเด่น เช่น SPVI,PTTGC,MCS