หวั่นโควิดฉุดหุ้นไทยเสียสถิติพุ่งขึ้นหลังสงกรานต์
โบรกย้อนสถิติหุ้นไทยหลังสงกรานต์ 5 ปีที่ผ่านมาดัชนีเขียวสดใส ยกเว้นปี 63 เกิดวิกฤติโควิดถล่มโลกร่วงระนาว แต่ในปีนี้ตลาดจะเป็นอย่างไรท่ามกลางยอดผู้ติดเชื้อที่พุ่งไม่หยุด-หุ้นตัวไหนที่น่าเก็บเติมพอร์ตท่ามกลางความเสี่ยงตามไปดูกันเลย
นายฐกฤต ชาติเชิดศักดิ์ ผู้จัดการฝ่ายวิจัย บล.เอเซีย พลัส เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยหลังสงกรานต์หากประเมินสถิติในอดีต 5 ปีย้อนหลัง (ในปี 2558-2562 ไม่นับปี 2563 เนื่องจากเป็นปีที่เกิดการแพร่ระบาดโควิด ซึ่งตลาดหุ้นไทยไม่ได้หยุดทำการ ) โดยปกติมูลค่าการซื้อ-ขายเฉลี่ย 1 อาทิตย์ หลังเทศกาลวันสงกรานต์จะมากกว่าค่าเฉลี่ยตลอดทั้งเดือน เม.ย.ของทุกปี โดยปีนี้ก็เช่นกัน ประเมินตลาดหุ้นไทย จะยังแกว่งตัวผันผวนและเชื่อว่านักลงทุนยังคงอยู่ในโหมด Wait & See โดยติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาด Covid-19 ต่อเนื่อง
สำหรับประเด็นสำคัญตลอดทั้งสัปดาห์เชื่อว่าตลาดให้น้ำหนักดังนี้คือ 1. รายงานผู้ติดเชื้อ Covid-19 ไทยรายใหม่/วันที่ 18 เม.ย.ที่ยอดทะลุ 1,767 คน จากสัปดาห์ก่อนตัวเลขผู้ติดเชื้อใหม่รายใหม่เพิ่มเกิน 1,500 ราย/วัน แพร่ระบาดไปเกือบทุกจังหวัด ทั่วประเทศไทย และหลังสงกรานต์ประเมินแนวโน้มยังเพิ่มขึ้น (หุ้นที่ได้ Sentiment บวก อาทิ หุ้นถุงมือยาง คือ STGT หุ้นประกันโควิด อาทิ TQM , BLA ในทางตรงข้ามหุ้นที่ถูกกดดันจากโควิด อาทิ กลุ่มโรงแรม ขนส่ง และสายการบิน
ทั้งนี้แม้ว่ารัฐบาลจะมีประกาศไม่เคอร์ฟิวและไม่มีล็อกดาวน์ แต่ปรับสีพื้นที่ โดย 18 จังหวัดเป็นสีแดง และ 59 จังหวัดเป็นพื้นที่สีส้ม, ขอความร่วมมือภาคเอกชน Work from home (หุ้นที่ได้ Sentiment บวก จาก Work& Learn From home อาทิ กลุ่มขายอุปกรณ์มือถือ และ IT อาทิ SPVI หุ้นเกมส์ อาทิ AS ) ส่วนผลกระทบต่อเศรษฐกิจและกำไรบริษัทจดทะเบียนปี 2564 ประเมินว่ากระทบแต่จำกัด คาดเศรษฐกิจจะไม่หดตัวแรงเหมือนปี 2563 ส่วนคาดกำไรบริษัท ASPS ประเมิน EPS64F ที่ 70.2 บาท/หุ้น ถือว่า Conservative มาก เมื่อเทียบกับ Consensus ที่ 79. 6 บาท/หุ้น ทำให้การประเมินดัชนีเป้ามายปีนี้ ที่ 1,670 จุด ยังเป็นไปได้
2. วันที่ 20 เม.ย. ในประเทศ ประชุมครม. รัฐบาลเตรียมออกมาตรเยียวยารอบที่ 3 คาดเป็นมาตรการพยุงการบริโภค (C) เพิ่มเติม ดีต่อหุ้นในกลุ่มค้าปลีก เช่น MAKRO 3. วันที่21 เม.ย. ประชุมธนาคารแคนาดา (BOC) Consensus คาดจะยังคงดอกเบี้ยนโยบายที่เดิม แต่มองว่าจะเป็นประเทศแรกของโลกที่จะเริ่มทยอยปรับลดวงเงินเข้าซื้อพันธบัตร (QE tapering)
นอกจากนี้วันที่ 22 เม.ย. การประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) คาด ยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่เดิม และวงเงิน QE ตามเดิม และในวันเดียวกัน ในไทย กระทรวงพาณิชย์รายงาน ยอดส่งออก (X) และนำเข้า (M) ไทย เดือน มี.ค.64 หากออกมาดีกว่าเดือนก่อนหน้าและตลาดคาด และเงินบาท/ดอลลาร์ที่ยังอยู่ในทิศทางอ่อนค่า ราว 5.3%ytd หรือบริเวณ 31.5 บาท คาดยังเป็นบวกต่อหุ้นส่งออก อาทิ TU, CPF, TFG, STGT, STA ขณะที่วันที่ 23 เม.ย. ในสหรัฐ รายงาย PMI ภาคการผลิตและภาคบริการของสหรัฐ เดือน เม.ย.
อย่างไรก็ตาม โดยรวมตลอดทั้งสัปดาห์ประเมินว่าตลาดหุ้นไทยแกว่งตัวในกรอบ 1,530 -1,580 จุด ด้านกลยุทธการลงทุนยังแนะนำ ลงทุนหุ้น Theme ที่ได้รับผลกระทบ Covid จำกัด และมีปัจจัยบวกเฉพาะตัว และทิศทางกำไร 1Q64 จะออกมาดี เช่น SCC([email protected]) คาดกำไร 1Q64 เติบโตเด่น หนุนด้วย Spread ผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ SCC ยังได้ประโยชน์หาก ตลท.ใช้วิธี Free Float Adjusted คำนวนดัชนีเพราะเป็นหุ้น Big Cap ที่มี Free Float สูงถึง 66% ฝ่ายวิจัยคาดว่าจะมีเม็ดเงินส่วนเพิ่มจากกองทุน Passive Fund ที่ต้องปรับสัดส่วนการลงทุนหุ้น SCC เพิ่มอีก 1.2 พันล้านบาท
ตามติดด้วย SPVI ([email protected]) ได้ประโยชน์จากกระแส Work & learn from Home โดยคาดกำไร 1Q64 จะออกมาดี จากกระแส IPHONE ใหม่ 5G ดีกว่าคาด โดย SPVI มียอดขาย ในช่วง ม.ค.-กพ. 64 เติบโตมากถึง 50%yoy และคาดว่าจะดีต่อเนื่องถึง 2Q64
ปิดท้ายที่ AS ([email protected]) ผู้ให้บริการเกมออนไลน์ ทั้งบนคอมพิวเตอร์และบนมือถือในประเทศไทย โดยวางแผนเปิดเกมใหม่ 12 เกม (เกมมือถือ 8 เกม และเกม PC 4 เกม) หนึ่งในนั้นคือเกมระดับตำนานอย่าง Real Yulgang ที่สำคัญคือได้กระแสบวกจากการที่คนอยู่บ้านน่าจะใช้เวลากับการเล่นเกมส์และเติมเกมส์มากขึ้น x ราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขายที่ PE 8.5x ยังต่ำมากเทียบกับ Peer 23x