นาทีทองช้อนหุ้นไทย หวังกระจายวัคซีนโควิดดันตลาดดีดกลับ
ตลาดหุ้นไทยหน้าร้อนเข้าสู่โหมด Wait & See ผลพวงโควิดแพร่ระบาดหนักทะลุเกินหลักพันรายต่อวัน โบรกชี้เป็นจังหวะทยอยสะสมหวังการกระจายเร่งฉีดวัคซีน- เปิดทางเอกชนนำเข้า 10 ล้านโดสหนุน SET พลิกฟื้น ผนวกกับเดือนเม.ย.บจ.เริ่มทยอยประกาศงบไตรมาส 1Q64 หุ้นปันผลตัวไหนแจ่มน่าเก็บเติมพอร์ตตามไปดูกันเลย
นายฐกฤต ชาติเชิดศักดิ์ ผู้จัดการฝ่ายวิจัย บล.เอเซีย พลัส เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทย ช่วงไตรมาสที่ 1 ปี2564 (1Q64) แกว่งตัวทิศทางขาขึ้น คือ ต้นปีดัชนีปรับขึ้นจาก 1,450 จุด มาอยู่ 1,588 จุด ณ.31 มี.ค.64 หรือขึ้นมาราว 138 จุดหรือขึ้นราว 9.47% และภาพที่เห็นคือตลาดหุ้นไทยคึกคักเป็นพิเศษ สะท้อนได้จาก มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยในเดือน ม.ค. - มี.ค. 64 สูงถึง 9.4 หมื่นล้านบาทต่อวัน (เพิ่มขึ้น 39%yoy) โดยกลุ่มนักลงทุนที่เป็นผู้ขับเคลื่อนตลาด หลักๆ คือ นักลงทุนภายในประเทศเป็นหลัก คือ ซื้อสุทธิราว 4.85 หมื่นล้านบาท
โดยปัจจัยหนุนหลักๆ มาจาก1. มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจการคลังสหรัฐ 1.9 ล้านล้านบาท ที่สภาสหรัฐได้ผ่านออกมาได้แล้ว และในไทย รัฐบาลทยอยออกมาตรการกระตุ้น ทั้งการบริโภคครัวเรือน (เราชนะ, เรารักกัน, คนละครึ่งเฟส 2 ฯล) กระตุ้นท่องเที่ยว อาทิ เราเที่ยวด้วยกันเฟส 2
2.การควบคุมผู้ติดเชื้อ Covid-19 ในประเทศทำได้ดีกว่าคาด หลังจากเกิดการระบาดแรงงานต่างด้าวในจังหวัดสมุทสาคร ทำให้รัฐบาลมีการผ่อนคลายกิจกรรมเศรษฐกิจเร็วกว่าที่คาด และเห็นวงจรการเริ่ม Upgrade GDP growth ไทยปี 64 ในช่วง ครึ่งหลังของเดือน มี.ค.64 จากสำนักเศรษฐกิจหลายสำนัก
3. การเข้ามาจดทะเบียนหุ้นดังๆ อาทิ OR ทำให้เห็นนักลงทุนรายใหม่ๆ เร่งเปิดบัญชีสะท้อนจำนวนผู้เปิดบัญชีซื้อขายหุ้นใหม่ต่อเดือนในปีนี้ พุ่งขึ้นแรงกว่า 8 เท่า ของภาวะปกติ คือ ยอดผู้เปิดบัญชีซื้อขายหุ้นใหม่ในเดือน ก.พ. 64 อยู่ที่ 2.7 แสนราย จาก เดือน ม.ค. ที่ผ่านมาอยู่ที่ 1.9 แสนราย สูงกว่าภาวะปกติที่มียอดผู้เปิดบัญชีซื้อขายหุ้นใหม่ต่อเดือนไม่ถึง 3 หมื่นรายต่อเดือน
ส่วนแนวโน้มตลาดหุ้นไตรมาสที่ 2 ปี 2564 (เม.ย.-มิ.ย.) ประเมินว่าในระยะสั้น : ช่วงเดือนตลอดเดือน เม.ย. ตลาดหุ้นไทย อาจจะยังถูกกดดันและผันผวน นักลงทุนน่าจะเข้าสู่ภาวะ Wait & See โดยขึ้นกับสถานการณ์เรื่อง Covid-19 ให้น้ำหนักรายงานจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่จะเพิ่มมากน้อยเพียงใด ล่าสุดที่สูงทะุลุ 1 พันราย/วัน หากสถานการณ์ยืดเยื้อคาดกิจกรรมทางเศรษฐกิจจะมีการหดตัวลงไปอย่างมีนัยสำคัญ
ซึ่งภาพดังกล่าวน่าจะถูกสะท้อนออกมาผ่านตัวเลข GDP งวด 2Q64 แต่ก็เชื่อว่าจะไม่เห็นการหดตัวรุนแรงเหมือนในงวด 2Q63 ซึ่งมีการทำ Lockdown โดยภาพรวมทั้งประเทศ โดยประเมินหุ้นที่ได้ประโยชน์ในช่วง Covid-19 อาทิ STGT, STA, BLA, TQM ส่วนหุ้นที่ราคาอาจไม่ Perform คือ หุ้นกลุ่มเปิดเมือง อาทิ กลุ่มสื่อ, กลุ่มโรงแรม, กลุ่มสายการบิน กลุ่มห้างสรรพสินค้า ฯลฯ
อย่างไรก็ตาม ในระยะกลาง – ยาว ประเมินภาพของตลาดหุ้นไทยยังอยู่ในทิศทางขาขึ้น โดยปัจจัยสนับสนุนความเชื่อ 1.Vaccine ในไทยที่เห็นความชัดเจนมากกว่าการแพร่ระบาด Covid-19 ในไทยเมื่อเทียบกับทุกรอบ (ปัจจุบันไทยเริ่มฉีด Sinovac ถัดไปคือ วัคซีนของ AstraZeneca จะเข้ามาช่วงครึ่งหลังของเดือน พ.ค. 10 ล้านโดส สิ้นปี 2564 รัฐตั้งเป้าฉีดราว 50% ของประชากรไทย และมีแรงเสริมจากการที่รัฐบาลจะเปิดให้โรงพยาบาลเอกชนสามารถนำเข้าวัคซีนได้ประมาณ 10 ล้านโดส โดยประเมินว่าตลาดหุ้นไทยจะกลับมาให้น้ำหนักการเร่งฉีดวัคซีน หลังสถานการร์ผู้ติดเชื้อเริ่มทรงตัวได้
2. นโยบายการเงินที่ยังผ่อนคลาย ทั้งอัตราดอกเบี้ยนโยบายยืนระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 0.5% มานานกว่า 8 เดือน และ ASPS คาดว่าจะยังทรงตัวต่ำไปอีกอย่างน้อย 2 ปี ซึ่งเมื่อก่อนนักลงทุนฝากเงินกับธนาคารเคยได้ดอกเบี้ยสูงถึง 1.75% ทำให้เชื่อว่าจะยังเกิดการแสวงหาผลตอบแทนที่สูงกว่า Search for Yield ทำให้ยังมีเม็ดเงินไหลเข้ามาในตลาดหุ้น
3.) ช่วงท้ายๆเดือน เม.ย. ถึงต้นเดือน พ.ค. เป็นช่วงที่บริษัทใหญ่ขึ้นเครื่องหมาย XD เชื่อว่าจะมีแรงเข้ามาเก็งกำไรก่อนการจ่ายปันผลเสมอ โดยเดือน เม.ย. 64 มีหุ้นขึ้นเครื่องหมาย XD 116 บริษัท, พ.ค. 64 มีหุ้นขึ้นเครื่องหมาย XD 130 บริษัท ซึ่งตามสถิติในอดีตช่วง 1 เดือน ก่อนขึ้น XD หุ้นปันผลสูงมัก Outperform และมีโอกาสให้ผลตอบแทนเฉลี่ยสูงถึง 3.5% อาทิ หุ้น BBL ,SPALI ที่จะประกาศ XD ช่วงปลาย เม.ย.64
ด้านกลยุทธ์การลงทุนช่วงไตรมาส 2 ปี 2564 คาดดัชนีจะแกว่งในกรอบ 1,475-1,670 จุด แนะลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่ มีปัจจัยสนับสนุน , คาดงบงวด 1Q64 ที่จะประกาศจะออกมาดี และได้ประโยชน์หากตลาดฯ เปลี่ยนวีธีการคำนวณดัชนีแบบ Free float adjusted market Cap. คือ BBL ([email protected]), BDMS([email protected]) SCC([email protected]) SPALI([email protected]) และ BLA([email protected])