หุ้นไทยปิดร่วงกว่า 23.10 จุด ตระหนกโควิด-19 ระบาดรอบใหม่

วันนี้( 7 เม.ย.64) หุ้นไทยปิดตลาดปรับตัวลดลง 23.10 แตะ 1,556.56 จุด แตะ 1,556.56 จุด มูลค่า 107,774.43 ล้านบาท 

โดยการซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวในแดนลบตลอดทั้งวัน โดยดัชนีทำระดับสูงสุด 1,570.69 จุด และระดับต่ำสุด 1,555.57 จุด ส่วนหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้ เพิ่มขึ้น 345 หลักทรัพย์ ลดลง 1,466 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 229 หลักทรัพย์

บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย)ระบุว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้เซตามปัจจัยในประเทศในเรื่องการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อเร่งตัวขึ้น ซึ่งรอบนี้กังวลถึงสายพันธุ์โควิดที่มีการแพร่กระจายไปเร็ว ทำให้ต้องติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดอย่างใกล้ชิด

ขณะที่ตลาดต่างประเทศต่างบวกกัน โดยตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเคลื่อนไหวในแดนบวกเป็นส่วนใหญ่ เช่นเดียวกับตลาดในยุโรปที่เทรดบ่ายนี้ก็บวกเช่นกัน ตอบรับความคาดหวังการฟื้นตัวเศรษฐกิจโลก หลังจากที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ได้ปรับคาดการณ์การเติบโตเศรษฐกิจโลกขึ้น จากที่ประเทศพัฒนาแล้วมีการกระจายวัคซีนโควิดได้ดี ขณะที่เศรษฐกิจไทยดูจะเปราะบางจากการแพร่ระบาดโควิด-19  และใกล้จะเข้าสู่ช่วงเทศกาลสงกรานต์แล้ว ปัจจัยบวกจึงไม่ค่อยมีเท่าไร โดยคาดแนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้ (8 เม.ย.) ตลาดฯคงจะซึม ๆ ซึ่งถ้ายืนเหนือแนวรับ 1,560 จุดได้ถือว่ายังดี  แต่ถ้าไม่ได้ก็จะมีแนวรับถัดไปที่ 1,550 จุด ส่วนแนวต้านให้ไว้ที่ 1,570-1,580 จุด

ด้าน บล. เอเซีย พลัส จำกัด ระบุว่า ตลาดหุ้นไทยถือว่าแกว่งตัวอิงทางลงและค่อนข้าง Underperform กว่าตลาดหุ้นในภูมิภาค ซึ่งสาเหตุหลัก ๆ เกิดจากความกังวลการระบาดโควิดในประเทศที่กลับมาเร่งตัวอีกครั้ง จึงเกิดภาพแรงขายทำกำไรเพื่อลดความเสี่ยงออกมา โดยเฉพาะในกลุ่ม Re-opening เช่น หุ้นกลุ่มท่องเที่ยว ขนส่ง และห้างสรรพสินค้า

ส่วนทิศทางความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทยในวันพรุ่งนี้ (8 เม.ย. 2564) อาจจะต้องติดตามเย็นนี้ก่อนว่านายกรัฐมนตรีจะมีแถลงการณ์ว่าจะมีการใช้มาตรการอย่างไรในการควบคุมสถานการณ์โควิดในประเทศไทย ขณะที่ตลาดเป็นภาพความไม่แน่นอน ระยะถัดไปช่วงสัปดาห์หน้า (12-16 เม.ย. 2564) จะเข้าสู่ช่วงหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์ ทำให้นักลงทุนบางส่วนอาจจะอยู่ในภาวะรอดู (Wait&See) ซึ่งจะทำให้ภาพตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์นี้จะอยู่ในช่วงจังหวะแกว่งพักฐาน มองฐานแนวรับบริเวณ 1,540 จุด (บวก-ลบ)

ทั้งนี้ หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่            

1. STGT    มูลค่าการซื้อขาย   5,040.22 ล้านบาท  ปิดที่  44.75 บาท เพิ่มขึ้น  2.75 บาท

2. DELTA   มูลค่าการซื้อขาย   4,007.19 ล้านบาท  ปิดที่ 362.00 บาท ลดลง  17.00 บาท

3. STA     มูลค่าการซื้อขาย   3,896.45 ล้านบาท  ปิดที่  49.25 บาท เพิ่มขึ้น  2.25 บาท

4. STARK   มูลค่าการซื้อขาย   3,643.68 ล้านบาท  ปิดที่   4.54 บาท เพิ่มขึ้น  0.16 บาท

5. PTT     มูลค่าการซื้อขาย   3,294.17 ล้านบาท  ปิดที่  39.50 บาท ลดลง   0.50 บาท