ลุ้นหุ้นไทยแตะ1,644จุด IMFปรับจีดีพีโลก-มาตรการคลังสหรัฐฯหนุน
โบรกประเมิน SET สัปดาห์หน้าเคลื่อนไหวในกรอบ 1,580-1,644 จุด ไอเอ็มเอฟปรับจีดีพีโลก-มาตรการการคลังสหรัฐฯหนุนตลาดหุ้นโลก-หุ้นไทย ชูธีมลงทุนปันผล-เปิดเมือง
นายฐกฤต ชาติเชิดศักดิ์ ผู้จัดการฝ่ายวิจัย บล.เอเซีย พลัส เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยสัปดาห์หน้า ( 5 -9 เม.ย.) แกว่งตัวในทิศทางขาขึ้น คาดว่าเคลื่อนไหวในกรอบ 1,580-1,644 จุด เพราะหากดูสภาพแวดล้อมทางปัจจัยพื้นฐาน ทั้งแนวโน้มภาวะเศรษฐกิจไทยและกำไรบริษัทจดทะเบียน Downside ในการปรับลดประมาณการณ์น้อยลง และเป็นเทรนด์ปรับขึ้นรวมถึงสภาพคล่องในระบบ เช่น เงินฝากในระบบปัจจุบันมีกว่า 15.72 ล้านล้านบาท เริ่มเห็นการเคลื่อนย้ายเข้าสู่สินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้นส่งผลดีต่อตลาดหุ้น
สำหรับปัจจัยสำคัญที่ให้น้ำหนักมาจากทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยวันที่ 5 เม.ย. รายงานดัชนี PMI ภาคบริการของโลก อาทิ สหรัฐ, จีน, ยุโรป ซึ่งส่วนใหญ่ตลาด คาดว่าจะฟื้นตัวสอด คล้องกับดัชนี PMI ภาคการผลิตของโลกที่ฟื้นตัวในเดือน มี.ค.64 ส่วนวันที่ 6 เม.ย. การเผยแพร่ประมาณการเศรษฐกิจโลกของ IMF คาดจะมีการปรับเพิ่ม World GDP Growth ปี 64-65 หลังจากการกระจายวัคซีน Covid-19 และมาตรการการคลังสหรัฐ ของนายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐ ออกมาได้เร็วกว่าเดิมที่คาด โดยก่อนหน้า IMF คาด GDP Growth โลกปี 64 จะขยายตัว 5.5%และปี 65 โต 4.2% อาจจะทำให้มีการ Upgrade GDP ถือเป็น Sentiment บวกต่อสินทรัพย์เสี่ยง และตลาดหุ้นทั่วโลก
นอกจากนี้ในวันที่ 7 เม.ย. รายงานการประชุม Fed Minutes ซึ่งจะให้รายละเอียดเพิ่มขึ้นกับผลการประชุม Fed รอบล่าสุด ทั้งมุมมองเกี่ยวกับอัตราเงินเฟ้อสหรัฐ ซึ่งเป็น key สำคัญในการขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ 0.25% และโครงการซื้อพันธบัตร QE ปัจจุบัน 120 พันล้านเหรียญต่อเดือน และการถกเถียงอื่นๆ โดย ASPS ยังคงมุมมองเดิมคือ ปีนี้ Fed จะยังคงดอกเบี้ยฯเดิมไปจนถึงสิ้นปี และบอนด์ยีลด์ระยะยาวอายุ 10 ปี (ทั้งในสหรัฐและไทย) มีแนวโน้มปรับขึ้น คาดเป็นบวกต่อตลาดหุ้นโลกในระยะถัดไป
ด้านในประเทศประเด็นที่ติดตาม 7 เม.ย. การประชุม ครม.พิจารณาอนุมัติโครงการท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 วงเงิน 84,361 ล้านบาทครม. ประเมินหุ้นที่จะได้กระแสเก็งกำไร อาทิ PTT, GULF
และหุ้นรับเหมาที่มีความเชี่ยวชาญก่อสร้างท่าเรือ แนะนำเก็งกำไร ITD และ NWR และบริษัทสายสัมพันธ์ที่ดีกับผู้ชนะสัมปทาน แนะนำ ซื้อ STEC
ขณะเดียวกันแนะนำหุ้น SPALI ([email protected]) ช่วงท้ายๆเดือน เม.ย. ถึงต้นเดือน พ.ค. เป็นช่วงที่บริษัทใหญ่ขึ้นเครื่องหมาย XD ทำให้น่าจะมีแรงเข้ามาเก็งกำไรก่อนการจ่ายปันผลเสมอ โดย SPALI จะประกาศ XD ช่วงปลาย เม.ย. และหากพิจารณาแนวโน้มธุรกิจปี 64 ถือว่าเป็นปีทองของ SPALI ในทุกด้าน โดยเฉพาะการสร้าง New high ของยอดโอนฯ และกำไรที่เด่นสุดในกลุ่มฯโดยคาดโต 43%YoY จากสัดส่วนโอนฯ คอนโดฯ สูงขึ้น และมีมาร์จิ้นสูงกว่าแนวราบ รวมถึงฐานะการเงินมี Net Gearingระดับต่ำ 0.55 เท่า (ณ สิ้นปี 63) ทำให้สามารถให้ Dividend Yield สูงกว่า 5% ต่อปี ภายใต้ PER 9 เท่า ให้ FV ปี 64 ที่ 25.50 บาท
ปิดท้ายที่ BDMS ([email protected]) ประเมินนับจากนี้จะคาดหวังรายได้คนไทยฟื้นตัวสู่ช่วงปกติได้แล้ว ขณะที่ผู้ป่วยต่างชาติ Fly-in (15% ของรายได้ปกติ) เห็นสัญญาณบวกมากขึ้น จากทั้งมาตร การลดวันกักตัวเหลือ 7 วัน (ใกล้เคียงวันนอนเตียงผู้ป่วยต่างประเทศที่ราว 4 วัน) ประกอบกับ ทิศทางการเปิดประเทศที่จะเร็วขึ้น จากล่าสุดที่รัฐฯจะเน้นการกระจายวัคซีนในพื้นทีกรุงเทพฯ ปริ มณฑล ฝ่ายวิจัยยังชื่นชอบ BDMS มากสุดในกลุ่มฯ จากธุรกิจที่แข็งแกร่ง และมีเครือข่ายครอบคลุม มูลค่าพื้นฐานที่ 24 ยังมี Upside ลงทุน