หุ้นเด่นวันนี้ ! โบรกเชียร์กลุ่มการเงินรับบอนด์ยีลด์พุ่ง
โบรกมองหุ้นไทยเสี่ยงขาลงปัจจัยภายนอกกดกัน หลังบอนด์ยีลด์สหรัฐอายุ 10 ปีพุ่งแตะ 1.77%ทำจุดสูงสุดใหม่ในรอบ 14 เดือน-ดอลลาร์แข็งค่า-น้ำมันร่วง ชูหุ้นรับอานิสงส์บอนด์ยีลด์พุ่ง-หุ้นปลอดภัย-กำไรแจ่ม
นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้คาดว่าแกว่งไซด์เวย์ จับตามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐ ประเมินกรอบแนวรับ 1,580 จุด และแนวต้าน 1,600 จุดเน้นหุ้นที่มีแนวโน้มกำไรดี โดยวันนี้แนะนำ BBLคาดกำไรปี 64 เติบโต 61% , และ ปี 65 เติบโต 16% แข็งแกร่งสุดในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ที่เราศึกษา แรงหนุนจากค่าใช้จ่ายดำเนินงานและต้นทุนสำารองลดลงผสานกับ Valuation ที่ถูกโดยปัจจุบันเทรดเพียง PBV 0.5 เท่า และราคาหุ้นยัง Laggard กลุ่มเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 160 บาท
ถัดมาหุ้นเด่นวันนี้ที่น่าสนใจอีกตัวคือ OSP ช่วง 1Q64 อาจชะลอตัวจาก COVID-19 แต่คาดแนวโน้มกำไรจะเร่งตัวดีขึ้นหลัง COVID-19 คลี่คลายลง ผสานโครงการ Fit Fast Firm ควบคุม
ต้นทุนได้ดี ส่วนการรายงานปรับโครงสร้างผู้ถือหุ้นใหญ่ไม่ส่งผลกระทบต่อการบริหารและนโยบายของบริษัทอย่างมีนัยสำคัญ เป็นโอกาสซื้อเป้าหมายเชิงกลยุทร์ 45 บาท
รายงานข่าวจากบล.ไทยพาณิชย์แจ้งว่า SET มี upside จำกัด และมีความเสี่ยงขาลง เคลื่อนไหวในกรอบระหว่าง 1,578-1,600 จุด โดยปัจจัยภายนอกกดดัน ได้แก่ 1. bond yield สหรัฐอายุ 10 ปีที่พุ่งทะลุ 1.77% แตะขึ้นทำจุดสูงใหม่ในรอบ 14 เดือน 2.ดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่า เป็นลบต่อ fund flow และ 3.ราคาน้ำมันอ่อนตัว อย่างไรก็ตาม window dressing ยังช่วยประคองดัชนี ซึ่งวันนี้วันสุดท้าย ดังนั้นในภาพรวม มองดัชนีจะมีกรอบบนจำกัดที่ 1,600 จุด และกลับมาอ่อนตัว กลยุทธ์พอร์ตลงทุนหลักรอเข้าซื้อเฟสแรก 25% แถว 1,450-1,470 จุด
ส่วนพอร์ตเก็งกำไรให้ Selective Buy หุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะแนะนำ 1. หุ้นเด่นวันนี้กลุ่ม defensive เป็นที่พักเงิน คือ กลุ่ม ICT : ADVANC กลุ่มการแพทย์ขนาดกลาง : BCH,CHG หุ้นโรงไฟฟ้า : BGRIM, GPSC ,GULF 2. หุ้น mid-small cap แนวโน้มกำไร 1Q64 โตเด่น YoY หรือ turnaround หุ้นเด่นคือ STARK, TWPC ,SISB ,TNP, WICE 3. หุ้นกระแส EV, clean energy : EA
ทั้งนี้แนะนำหุ้น mid-small cap แนวโน้มกำไรโตเด่น STARK (ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 5.04 บาท) คาดปีนี้กำไรเพิ่มกว่า 38%YoY และหุ้น TWPC เป็นหุ้นเด่น (ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 5.60 บาท) คาดปีนี้ turnaround พลิกมามีกำไร และเก็งกำไร STGT มีโอกาสได้คำสั่งซื้อเพิ่ม หลังสหรัฐระงับการนำเข้าถุงมือยางจากผู้ผลิตรายใหญ่ในมาเลเซีย
ด้านบล.เอเซียพลัสชู 3 หุ้นเด่นคือ BLA (FV@35 ) เป็นผลมาจาก Bond yield มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น เป็น Sentiment เชิงบวก แนวโน้มธุรกิจหลักของ BLA จะฟื้นตัวชัดเจนในปี 2564 จากเศรษฐกิจฟื้นตัวและการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ มากขึ้น และผลการดำเนินงานของ BLA ได้ผ่านจุดต่ำสุดในปี 2563 ไปแล้ว ขณะที่ราคาหุ้นมีค่า PBV เพียง 0.9 เท่า เพิ่มคำแนะนำเป็นซื้อ Fair Value 35.0 บาท
ตามติดด้วย SCC (FV @ 450) เป็นหุ้นเด่น เนื่องจากหุ้นมีพื้นฐานแกร่ง เป้าหมาย Fund flow คาดว่าแผนการเติบโตชัดเจนของทุกธุรกิจหลักในช่วง 3-5 ปี ข้างหน้า โดยเฉพาะกำลังการผลิตของธุรกิจปิโตรเคมีที่จะเพิ่มขึ้นถึง 70% หลังโครงการ LSP ในเวียดนามเสร็จสิ้นรวมถึงการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของธุรกิจPackaging ภายใต้ SCGP จะช่วยยกฐาน EBITDA ของSCC ให้สูงขึ้นจากค่าเฉลี่ยในช่วงปี 53- 63 ที่ทำได้ 71,030 ล้านบาท มาสู่ระดับ 1 แสนล้านบาทในปี 66 เป็นต้นไปคาดปีนี้กำไรสุทธิอยู่ที่ 3.66 หมื่นล้านบาท (+7.4%YoY)อีกทั้งราคาหุ้นยัง Laggardหุ้นกลุ่มปีโตรฯอย่าง PTTGC และหุ้นลูกอย่าง SCGP อยู่มาก
ส่วนหุ้นเด่นปิดท้าย INTUCH(FV @ 74) คาดว่าฟื้นตัวได้นับจาก 2H64 จากกำลังซื้อทยอยฟื้นตัว และลูกค้า 5G ขณะที่ต้นทุนลงทุน 5G คาดเพิ่มจำกัดจากผลชดเชยงบลงทุน 3G ที่ตัดจ่ายครบ ซึ่งทั้ง 2 ส่วนอาจสร้าง Upside กำไรได้ ส่วน THCOM คาดกำไร9M64 คุ้มทุน และอาจมี Upside หากการเปลี่ยนสู่ใบอนุญาตปลายปีราบรื่นได้ Sentiment เชิงบวกจากประเด็น FF Adj MarketCap คาดได้สัดส่วนเพิ่ม 0.46% ในรอบ 2H64 นี้จุดเด่นเรื่องปันผลชัดขึ้น จากอัตราจ่ายปันผลที่สูงขึ้น ADVANC หลังอิงกำไรที่มีผลรายจ่ายทางบัญชีมาตรฐานบัญชี TFRS16 ช่วยให้ INTUCH ส่งต่อปันผลเกินปีละ 4.5% ซึ่งคาดหวังปันผล 2H63 สูงกว่าคาดที่1.35 บาท XD 22 เม.ย. 64 นี้