ส่องหุ้นเด่นรับอานิสงส์ดอกเบี้ยขาลง-แลกการ์ด
ไม่เซอร์ไพรส์ตลาดหลังกนง.คงดอกเบี้ยประคองเศรษฐกิจ ส่วนหุ้นเด่นตัวไหนที่น่าสนใจลงทุนทยอยสะสมตาม TNNONLINE ไปดูกันเลย
ผ่านพ้นไปเรียบร้อยแล้วสำหรับผลการประชุม กนง.เมื่อวันที่ 24 มี.ค.ที่ผ่านมามีมติเอกฉันท์คงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.5% พร้อมปรับ GDP Growth ปี 64 ลงเหลือ 3.0%yoy จากเดิมคาด 3.2% แต่ถือว่าดีกว่า Consensus ปัจจุบันที่ยังคาดระหว่าง 2- 2.8 % และปี 65 คาด 4.7% จากเดิมประเมินไว้ 4.8%
โดยข้อสังเกตุไส้ในสมมติฐานประมาณการณ์ของ ธปท.ถือว่ามีมุมมองเชิงบวก ต่อทุกฟันเฟืองในปีนี้คือ ภาคส่งออก สัดส่วน68% ของ GDP ปรับเพิ่มคาดการณ์จะโตเป็น 10%yoy เดิมคาด 5.7% Sentiment บวกต่อหุ้นส่งออก อาทิ CPF ,TU, TFG
การบริโภคครัวเรือน สัดส่วน 50% ของ GDP ปรับเพิ่มคาดการณ์โต 3% จากเดิมคาด 2.8% บวกต่อหุ้นค้าปลีก หุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานรองรับและราคามี Upside อาทิ CRC, CPALL, MAKRO
การลงทุนรัฐ ปรับเพิ่มคาดการณ์โต 11.6% จากเดิมคาด 7.9% เป็นบวกต่อหุ้นรับเหมา ASPS แนะนำ STEC,CK,SQ และ BJCHI ยกเว้นเพียงสมมติฐาน จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ ในปี 64 คาดจำนวนเหลืออยู่ที่ 3 ล้านคน จากเดิมคาด 5.5 ล้านคน และปี 65 เหลืออยู่ที่ 21.5 ล้านคน จากเดิมคาด 23.0 ล้านคน
ส่วนแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยฯของในในปีนี้ ASPS ประเมินว่า กนง. จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.5% ต่อไปตลอดปีนี้จะส่งผลดีต่อ NIM ของธนาคารพาณิชย์ ชื่นชอบ BBL(FV@B154) มองสินเชื่อปีนี้ ขยายตัว 3% - 4% yoy
ขณะที่ผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (ECL)คาดการณ์ลดลงมาที่ 2.2 หมื่นล้านบาท จาก 3.1 หมื่นล้านบาทในปี 63 ถือว่าเข้าสู่เส้นทางของการฟื้นตัวที่แท้จริงสำหรับคุณภาพสินทรัพย์
ธนาคารฯ คาด NPL Ratioณ สิ้นปีนี้จะอยู่ในกรอบไม่เกิน 4.5% จาก 3.9% ณสิ้นปี 63 จากสภาวะเศรษฐกิจไทยที่ยังอยู่ในช่วงฟื้นตัวโดย ธ.พ. มี Coverage Ratio ณ สิ้นงวด 4Q63 ที่181.6% สูงกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่มที่ 150%แนวโน้มกำไรปี 2564 ฟื้นตัวจากฐานต่ำปีก่อน ด้านราคาหุ้น BBL ยังคง Laggard SETBANK และหุ้นธพ.อื่นๆอยู่มากพอสมควร
ตามติดด้วย KBANK(FV@B155) ) แนวโน้ม Credit Cost ปี 64 ที่ลดลงจากเดิม 2.05%ในปีก่อนมาที่ 1.6% หลังลูกหนี้ที่ออกจากมาตรการฯราว 90% ชำระหนี้ตามปกติ (ข้อมูลจากงานแถลงเป้าหมายประจำปีของ KBANK)ฝ่ายวิจัยประเมินกำไรสุทธิปี 64-65 ไว้ 3.48 หมื่นล้านบาท (+ 18% yoy) และ 3.76 หมื่นล้านบาท (+8%yoy) มาจากการปรับสมมติฐาน Credit Cost ปี 64 -65
ลงจากเดิม 2.5% มาที่ 1.6% เทียบเท่า ECL ที่ 3.7หมื่นล้านบาทในปี 64 และ 4 มื่นล้านบาทในปี 65 ภายใต้ประมาณการณ์ ได้ FV ปีนี้ที่ 155 บาท
ถัดมาเป็น TISCO(FV@B102)TISCO (FV@B102) คุณภาพสินทรัพย์ชัดเจนกว่ากลุ่มฯ รวมถึงงบดุลแกร่งและ Div Yield สูงราว 6%
ส่วนหุ้น ORI ([email protected]) ปี 64 ตั้งเป้า Presale เพิ่มขึ้น 13% สู่ระดับ All Time High ที่ 2.9 หมื่นล้านบาท (ยอดขาย 2M64 ทำได้แล้วกว่า 4 พันล้านบาท) โดยคาดสัดส่วน 60% มาจากการขาย สต๊อกโครงการเดิมที่มีมูลค่าคงเหลือขาย 3.2 หมื่นล้านบาท (เป็นคอนโดฯ พร้อมโอนฯ 1 หมื่นล้านบาท)
นอกจากนี้สัดส่วนอีก 40% มาจากการขายโครงการใหม่ซึ่งปีนี้มีกำหนดเปิด 20 โครงการใหม่ มูลค่า 2 หมื่นล้านบาท (ปีก่อน 1.33 หมื่นล้านนาท) คาดกำไรปกติปี 2564 กลับมาเติบโต 16% อยู่ที่ 2.92 พันล้านบาท ภายใต้ยอดโอนฯ 1.16 หมื่นล้านบาท (เป้าบริษัท 1.28 หมื่นล้านบาท) มี Backlog รองรับ 81% และส่วนแบ่งกำไร JV 796 ล้านบาท โดย PER 7 เท่า และ FV ปี 64 ที่ 8.35 บาท แนะนำซื้อ
ปิดท้ายที่ Spali ([email protected]) ปี 64 คาดกําไร กลับมาเติบโตเด่นสุดในกลุ่มฯ ระดับ 43% สู่ 6 พันล้านบาท จากยอดโอนฯ มี Backlog รองรับเกือบ 60% ด้านราคามี upside 29% และ PER ซื้อขาย 7 เท่า แนะนำซื้อ