โบรกคัด 6 หุ้นเด็ดทยอยสะสม ช่วงตลาดผันผวนรอปัจจัยใหม่

รายงานข่าวจากธนาคารไทยพาณิชย์แจ้งว่า  ดัชนีหุ้นไทยอยู่ในช่วงพักตัว คาดว่าวันนี้เคลื่อนไหวออกด้านข้างอยู่ภายในกรอบ 1,550-1,580 จุด เพื่อรอปัจจัยใหม่กำหนดทิศทาง และรอผลประชุมเฟดในวันที่ 16-17 มี.ค. ซึ่งหลังจากนั้น คาดว่าดัชนีจะมีทิศทางที่ชัดเจนขึ้น กลยุทธ์พอร์ตลงทุนหลักแนะนำรอเข้าซื้อเฟสแรก 25% แถว 1,450-1,470 จุด ส่วนพอร์ตเก็งกำไรใช้ กลยุทธ์ Selective Buy ในหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะ

สำหรับพอร์ตเก็งกำไร selective buy ใน theme ดังนี้ 1. หุ้น Global Plays กลุ่มปิโตรเคมี PTTGC 2. หุ้น Reopening tier 2-3 BEM, HMPRO, BDMS และ 3. หุ้นใน SET50 ที่ยัง laggard BAM รวมทั้ง Clean Energy อย่าง BGRIM, GULF ,GPSC

ทั้งนี้แนะนำ PTG (ราคาเป้าหมาย IAA consensus 22.10 บาท) หลังร่วมกับ กฟผ. เปิดสถานีชาร์จ EV ในปั๊ม และจะขยายสู่ 120 สาขาใน 3 ปี ส่วนแนวโน้มผลการดำเนินงานปีนี้ยังคงเติบโตต่อเนื่อง โดยมีธุรกิจ non-oil เป็นตัวเร่งสำคัญ รวมถึงธุรกิจใหม่ในระยะใกล้อย่างธุรกิจพลังงานสะอาดและธุรกิจกัญชง-กัญชา

รายงานข่าวด้านบล.เอเซียพลัส แนะนำ  SPVI  ราคาเป้าหมาย  6.92 บาท เนื่องจากเห็นว่า  ยอดขายผู้ผลิตหลักที่ชิ้นส่วนให้ Apple ในไต้หวันที่เดือน ม.ค. 64 เติบโต 35%yoy ยอดขายมือถือจากต่างประเทศในประเทศเป็น iPhone งวด ม.ค.-ก.พ. 64 127.6%yoy ขณะที่หากนับเทียบกับปี 2562 ที่ไม่มีผลกระทบ COVID ยังเห็นการเติบโตถึง 27.6%yoy 

ขณะที่ไทยหากนับเทียบกับปี 62 ที่ไม่มีผลกระทบ COVID ยังเห็นการเติบโตถึง 27.6%yoy เป็นบวกกับผู้ขายสินค้า Apple โดยเฉพาะ SPVIยอดขายสินค้า Apple ของ SPVI มีสัดส่วนยอดขาย 90%ฝ่ายวิจัยมองบวกต่อทิศทางดังกล่าวฝ่ายวิจัยปรับเพิ่ม growth ที่ใช้ประเมินมูลค่าหุ้นเป็น 2.5% จากเดิม 1% ได้ Fair value ใหม่ที่ 6.92 บาท  ยังมี Upside เปิดกว้างถือหุ้นที่ Undervalue อย่างมาก สะท้อนจาก PER’64 ที่ต่ำ 17.2 เท่า ขณะที่ผู้ประกอบธุรกิจคล้ายกัน COM7 มี P/E สูง 41.8 เท่า JMART 31 เท่า ส่วน CPW สูงถึง 25.3 เท่า ยืนยัน ซื้อ

SCC ราคาเป้าหมาย 450 บาท หุ้นพื้นฐานแกร่ง เป้าหมาย Fund flowเเผนการเติบโตที่ชัดเจนของทุกธุรกิจหลักในช่วง 3-5 ปีข้างหน้า โดยเฉพาะกำลังการผลิตของธุรกิจปิโตรเคมีที่จะเพิ่มขึ้นถึง 70% หลังโครงการ LSP ในเวียดนามเสร็จสิ้น รวมถึงการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของธุรกิจPackaging ภายใต้ SCGP จะช่วยยกฐาน EBITDA ของSCC ให้สูงขึ้นจากค่าเฉลี่ยในช่วงปี 53- 63 ที่ทำได้71,030 ล้านบาท มาสู่ระดับ 1 แสนล้านบาทในปี 2566เป็นต้นไปคาดปีนี้กำไรสุทธิอยู่ที่ 3.66 หมื่นล้านบาท (+7.4%YoYอีกทั้งราคาหุ้นยัง Laggardหุ้นกลุ่มปีโตรฯอย่างPTTGC และหุ้นลูกอย่าง SCGP อยู่มาก

CPF ราคาเป้าหมาย 42 บาท ธุรกิจหลักยังดีต่อเนื่องในปี 64 ธุรกิจหลักยังดีต่อเนื่องในปีนี้จากธุรกิจสุกรในไทยจีนและเวียดนามดีต่อเนื่อง จากปัญหาสุกรขาดแคลนธุรกิจกุ้งเติบโต่อเนื่อง และช่องทางการขายสินค้าผ่าน LOTUS's มากขึ้น ซึ่งจะช่วยหนุนให้แนวโน้มกำไรปกติงวด 1064 จะเพิ่มขึ้นจากงวด 4Q63 และ 1Q63นอกจากนี้ ยังมีสินค้าใหม่ อาทิ Plant based meat ที่จะเริ่มเปิดตัวในไทยในพ.ค. 64 และเตรียมส่งออกไปกว่า 40 ประเทศทั่วโลก นอกจากนี้ ยังศึกษาทำธุรกิจกัญชงครบวงจรตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำด้วย ซึ่งล้วนเป็นธุรกิจที่มีศักยภาพการเติบโตสูง ขณะที่ราคาหุ้นปัจจุบันมี Valuation สนใจ มีค่า PERเพียง 9 เท่า PBV เพียง 1.1 เท่า และมี Upside สูงเกือบ 42% 

ด้านบล.เมย์แบงก์กิมเอ็ง(ประเทศไทย)มองว่า หุ้นไทย  Sideways  จับตาการประชุม FED ประเมินแนวรับ 1,555 จุด และแนวต้าน 1,580 จุด เน้นหุ้นกำไรเติบโตเด่น แนะนำ NRFคาดแนวโน้มผลประกอบการของ NRFจะเติบโตแข็งแกร่งในช่วง 64-66 คาดกำไรเฉลี่ย 3 ปีข้างหน้าสูงถึง 44% CAGR จากธุรกิจ Ethnic  food  ผสาน Megatrendอย่าง Plant-based และ E-commerce เกิดไวกว่าคาด และมี Upside risk จากธุรกิจกัญชงกับ Partner ที่มีศักยภาพ เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 11.0 บาท

ปิดท้าย  ICHI ธุรกิจหลักคาดโตระดับ 30% ในปีนี้จาก 1.การรับรู้รายได้น้ำวิตามินเต็มปี 2.การออกสินค้าใหม่และขยายช่องทางขายไปยัง Traditional Tradeหนุนรายได้ 3.รับ 0EM กับลูกค้าใหม่อย่างน้อย 2-4 เจ้า และ 4.CLMV ฟื้นตัว ผสาน Upside Riskเพิ่มเติมจากธุรกิจกัญชงเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 14.8 บาท