"พิพัฒน์"ดีงรีสอร์ตริมทะเล กักตัวนักท่องเที่ยวต่างชาติ

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยถึงแผนการเตรียมความพร้อมรับนักท่องเที่ยวต่างชาติว่า ได้หารือกับหน่วยงานต่าง ๆ ทั้ง การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และผู้แทนผู้ประกอบการท่องเที่ยวของ 3 จังหวัดคือภูเก็ต กระบี่ พังงา เพื่อพิจารณา ปัญหา อุปสรรคและข้อเสนอแนะด้านการท่องเที่ยว  พร้อมทั้งลงพื้นที่เพื่อศึกษาแนวทางการจัดการพื้นที่ชายหาด รีสอร์ตในการกักตัวนักท่องเที่ยว

สำหรับพื้นที่ 3 จังหวัดดังกล่าว สามารถสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวมากถึง 6.15 แสนล้านบาท คิดเป็น 1 ใน 5 ของรายได้รวมการท่องเที่ยวไทยเมื่อปี 62 ซึ่งมีรายได้ 3 ล้านล้านบาท โดยแบ่งเป็น ภูเก็ต 4.7 แสนล้านบาท กระบี่ 1 แสนกว่าล้านบาท และพังงา 4.5 หมื่นล้านบาท ซึ่งในการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) วันที่ 19 มี.ค.นี้ กระทรวงการท่องเที่ยวฯ จะเสนอให้พิจารณาเกี่ยวกับการลดจำนวนวันกักตัวท่องเที่ยวต่างชาติจาก 14 วัน  เพื่อเป็นการสนับสนุนการท่องเที่ยว 

"ที่ผ่านมากระทรวงการท่องเที่ยวฯได้ผลักดันมาตรการ area quarantine ซึ่งเป็นรูปแบบกักตัวในสถานโรงแรมในช่วง 3 วันแรก หากผลการตรวจโควิดมีผลเป็นลบจะอนุญาตให้เที่ยวภายในพื้นที่โรงแรม หรือรีสอร์ทในช่วงเวลาที่เหลือของการกักตัว 14 วัน หากครบ 14 วันแล้วตรวจไม่พบเชื้อก็สามารถออกเดินทางไปท่องเที่ยวสถานที่ต่าง ๆ ได้"

ทั้งนี้มาตรการดังกล่าวจะยังคงใช้ในพื้นที่ 5 จังหวัดเมืองท่องเที่ยวหลัก ภูเก็ต, กระบี่, เกาะสมุย สุราษฎร์ธานี, พัทยา ชลบุรี และเชียงใหม่ ที่รัฐบาลได้ทำการทยอยฉีดวัคซีนในเฟสแรก คาดว่าจะสรุปได้ภายในเดือนมี.ค.นี้  และเริ่มใช้จริงในเดือนเม.ย.

นายวิชิต ประกอบโกศล นายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (ATTA) หรือสมาคมทัวร์อินบาวนด์ กล่าวว่า สมาคมฯ เตรียมส่งหนังสือถึงหน่วยงานเกี่ยวข้อง กระทรวงการท่องเที่ยวฯ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) และศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ

 ศบค.  พิจารณาการเปิดรับนักท่องต่างชาติแบบไม่กักตัวภายในสัปดาห์นี้  โดยขอให้รัฐทยอยเลิกใช้มาตรการกักตัวสำหรับตลาดที่มีความเสี่ยงต่ำก่อน โดยในเดือนมิ.ย.ซึ่งเป็นการทดลองเปิดก่อนที่จะเปิดอย่างเป็นทางการ  และมองว่าหากรัฐยกเลิกมาตรการกักตัวต่างชาติเริ่มมิ.ย.จะทำให้มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาไทย 8 ล้านคนและมีรายได้ 5 แสนล้านบาท