TNN online ลุ้นหุ้นไทยไปต่อ อานิสงส์บอนด์ยีลด์ย่อตัว

TNN ONLINE

Wealth

ลุ้นหุ้นไทยไปต่อ อานิสงส์บอนด์ยีลด์ย่อตัว

ลุ้นหุ้นไทยไปต่อ อานิสงส์บอนด์ยีลด์ย่อตัว

โบรกมองหุ้นไทยไปต่อสอดรับตลาดหุ้นเอเชียที่เขียวสดใส หลังบอนด์ยีลด์ย่อตัว-ดอลลาร์อ่อนค่า บล.ไทยพาณิชย์แนะหุ้นแลกการด์ บล.เอเซียพลัส ชู 3 หุ้นเด่น ADVANCE- BBL - BDMS

นายถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิจัย บล.กรุงไทย ซีมิโก้ เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้นได้ในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่เช้านี้ต่างเคลื่อนไหวในแดนบวกกันทั่วหน้า แต่ตลาดบ้านเราอาจขึ้นไม่แรงเหมือนตลาดหุ้นญี่ปุ่น, ตลาดหุ้นเกาหลี โดยตลาดสหรัฐเมื่อคืนที่ผ่านมาได้ปรับตัวขึ้น โดยเฉพาะดัชนี Nasdaq ที่ขึ้นไปกว่า 3% หลังอัตราผลตอบแทนพันธบัตร (Bond yield) สหรัฐฯอ่อนลง ทำให้เงินดอลลาร์สหรัฐฯอ่อนค่าลงด้วย ส่งผลให้มีการกลับมาซื้อหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยี แต่ตลาดบ้านเราไม่มีกลุ่มนี้ แต่กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ และชิ้นส่วนยานยนต์ที่ราคาหุ้นปรับตัวลงไปมากแล้วก็อาจมีการฟื้นขึ้นมาได้บ้าง

ทั้งนี้ตลาดหุ้นไทยอาจได้รับแรงกดดันจากกลุ่มธนาคารพาณิชย์ที่อาจอ่อนตัวลงได้ และกลุ่มพลังงานก็อาจพักฐานบ้างหลังจากที่ขึ้นไปมากแล้ว  แต่ยังมีปัจจัยบวกจากมาตรการผ่อนคลายต่าง ๆ ที่เพิ่มเข้ามา และปัจจัยเฉพาะในเรื่องกัญชง-กัญชา ส่วนปัจจัยที่ต้องติดตามคือการโหวตเสียงในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฏรของสหรัฐฯในเรื่องมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ซึ่งก็คาดว่าจะผ่านไปได้ และตัวเลขเงินเฟ้อของจีน และสหรัฐฯในวันนี้ ประเมินกรอบแนวรับ 1,542-1,535 จุด  แนวต้าน 1,560-1,567 จุด

รายงานข่าวจากบล.ไทยพาณิชย์แจ้งว่า กลยุทธ์การลงทุนคาดดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1,535-1,562 จุด โดย bond yield ที่ปรับตัวลดลง คลายความกดดันต่อตลาดหุ้น หนุนการฟื้นตัว ของ SET อย่างไรก็ตาม กรอบบนดูจำกัดที่แนวต้าน 1,555-1,562 จุด เนื่องจากราคาน้ำมันที่อ่อนตัวเป็นปัจจัยลบต่อกลุ่มพลังงาน และถ่วงตลาด โดยมีกรอบล่างอยู่ที่แนวรับ 1535 จุด กลยุทธ์ พอร์ตลงทุนหลักแนะนำรอเข้าซื้อเฟสแรก 25% เมื่อดัชนีพักฐานแถว 1,450-1,470 จุด ส่วนพอร์ตเก็งกำไรใช้กลยุทธ์ Selective Buy ในหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะ 

สำหรับพอร์ตหลักรอเข้าซื้อ 25% ที่ SET 1,450-1,470 พอร์ตเก็งกำไร selective buy หุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะ 1. หุ้นขนาดใหญ่ laggard (tier 2) ได้ประโยชน์จากการเปิดเมือง-ฉีดวัคซีน BEM ,BDMS ,CPALL, HMPRO, CPN ,SCC ,MINT 2. หุ้นขนาดกลาง-เล็กที่กำไรเติบโตดี NER, STARK ,TWPC ,TNP, ZEN, PTG ส่วนหุ้นเกาะกระแสกัญชง เน้นโรงสกัด DOD, RBF เก็งกำไรเมื่ออ่อนตัว แนะนำ BEM คาดได้ sentiment บวกจาก รฟม. เตรียมเปิดประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้มหลังศาลฯ จำหน่ายคดีใน เม.ย.นี้ ด้วยเกณฑ์ผลตอบแทน 70% และเทคนิค 30% ซึ่งหาก BEM ชนะประมูล จะช่วยเพิ่ม upside ได้อีก 1.50 บ. จากราคาเป้าหมายปัจจุบันที่ 10.30 บ. และแนะนำ HMPRO  ราคาเป้าหมาย 16.20 บาท คาดกำไรปีนี้ฟื้นตัวเด่นจาก SSS ฟื้นตัว หลังภาครัฐเตรียมผ่อนคลายมาตรการเข้มงวด  

นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม รองกรรมการผู้อำนวยการสายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า ตลอดสัปดาห์นี้ทั้งสินทรัพย์เสี่ยง(ตลาดหุ้น,  สกุลเงินดิจิตอล ) และสินทรัพย์ปลอดภัย (ทองคำและ พันธบัตร) ผันผวนสูงมาก  เห็นได้จากเมื่อวานตลาดหุ้นสหรัฐ  หุ้นในกลุ่ม Tech หลายบริษัท หรือราคาทองคำ  พลิกกลับมาพุ่งขึ้นแรง  หลังจากก่อนหน้าโดน Take Profit แรงฯลฯโดยประเด็นขับเคลื่นอยังเป็นเรื่องเดิม คือ การฉีดวัคซีนในสหรัฐ, การผ่านร่างงบกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐ 1.9 ล้านล้านเหรียญฯ ฯลฯ หนุนให้ Bond yield 10 ปีหลายประเทศปรับเพิ่มขึ้นติดต่อกันตั้งแต่ต้นปี อายุ 10 ปีของสหรัฐ ปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 1.53% (สูงสุดในรอบ 13 เดือน)

ขณะที่ Bond Yield อายุ 10 ปีของไทย ปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 2.04% (แตะระดับสูงสุดในรอบ 1 ปี 8 เดือน)  การที่ Bond Yield 10 ปีปรับขึ้นมาแรง  ทำให้ตลาดมีมุมมองว่าธนาคารกลางทั่วโลก โดยเฉพาะสหรัฐ (Fed) อาจจะมีการปรับเปลี่ยนการใช้นโยบายการเงิน อาจจะกลับมาตึงตัว หรือ ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เร็วขึ้น  (การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย หรือ คาดการร์จะมีการขึ้นดอกเบี้ย  ตลาดหุ้นจะตอบสนองเชิงลบ) 

ในส่วนของ ASPS ยังคงมุมมองว่าสหรัฐ ในปีนี้คาดจะยังไม่เห็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย คาดคงที่ 0.25% ตลอดปี  ดังเหตุผลที่เคยนำเสนอใน Market talk วันที่ 3 ก.พ.64 คือ ตัวเลขเศรษฐกิจเศรษฐกิจสำคัญยังห่างไกลเป้า ทั้ง เงินเฟ้อ และอัตราการว่างงานสหรัฐ    อีกแง่มุมนึง ASPS ทำการศึกษา ตั้งแต่ในอดีตปี 2552-ปัจจุบัน พบว่าทิศทางการขึ้น/ลง ของอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ  พบว่ามีจะมีความสัมพันธ์แบบใกล้ชิดกันระหว่าง B.Y. 1  ปี  มากกว่า B.Y. อายุยาว อาทิ 10 ปี

โดยการตีความของ B.Y. 10  ปีที่ขึ้นแรง ASPS มีมุมมองคือ การเคลื่อนย้ายเม็ดเงินออก และเห็นการเคลื่อนย้ายไหลเข้าไปในสกุลเงิน Dollar สะท้อนจากค่าเงิน Dollar Index ปรับเพิ่มขึ้นเร็วและแรง ล่าสุดอยู่ที่ราว  92 จุด และในอนาคตเชื่อว่ารอจะเข้ามาในสินทรัพย์เสี่ยงหลังจากความผันผวนลดลง

ในส่วนไทย ASPS ยังคงมุมมองตลอดทั้งปี กนง.จะยังไม่ขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่  0.5%(ต่ำสุดเป็นประวัติการณ์)   เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวเศรษฐกิจไทย โดยเฉพาะภาคท่องที่ยว(20%ของ GDP) และยังเห็นรัฐบาลยังจำเป็นต้องใช้มาตรการการคลังเพื่อพยุงเศรษฐกิจ   และหากพิจารณาในอดีตสมัยวิกฤตต้มยำกุ้งในปี 2540  กนง.คงอัตราดอกเบี้ยต่ำติดต่อกัน 8 ไตรมาส หรือ 2 ปีโดยรวมมุมมองอัตราดอกเบี้ยที่จะยังทรงตัวต่ำดังที่กล่าว   ASPS ยังคงมุมมองบวกต่อตลาดหุ้นไทย ซึ่งมีแนวโน้มที่จะถูกขับเคลื่อนด้วย Fund Flow ในช่วงเวลาหลังจากนี้  

สำหรับหุ้น Top Picks เลือก ADVANCE ([email protected] )  ซึ่งเป็นหุ้นขนาดใหญ่ราคา Laggard SET เหลือเกิน โดยการเลื่อนชำระค่าใบอนุญาต 5G และความไม่ชัดเจน NTประเมินบวกต่อ ADVANC มากสุด ขณะที่ราคาหุ้นผ่านการปรับฐาน ตอบรับความเสี่ยงผลประกอบการ 1H64คาดลดลง yoy จากการรับรู้ต้นทุนคลื่น 700 MHzรวมถึงความเสี่ยงการแข่งขันไปแล้วคาดการฟื้นตัวจะเริ่มนับจาก 2H63 ด้วยกำลังซื้อและชิมท่องเที่ยวฟื้นตัว และ ผลบวกลูกค้าที่ไปใช้บริการ 56 มากขึ้น และลุ้น Upside ได้มากกว่ารายอื่น จากจุดเด่นผู้นำ5G และรอบการรับรู้ต้นทุน 3G ที่ครบ หนุนดูดีสุดในกลุ่มมี Upside สูง 30% และคาดหวัง Yield ปีละ 4.0% ต่อปี

ถัดมาเป็นหุ้น BBL ([email protected])เข้าสู่เส้นทางของการฟื้นตัวที่แท้จริงธนาคารฯ มองสินเชื่อปี 2564 ขยายตัว 3% - 4% yoyขณะที่ผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (ECL)คาดการณ์ลดลงมาที่ 2.2 หมื่นล้านบาท จาก 3.1 หมื่นล้านบาทในปี 2563 ถือว่าเข้าสู่เส้นทางของการฟื้นตัวที่แท้จริงสำหรับคุณภาพสินทรัพย์ ธนาคารฯ คาด NPL Ratioณ สิ้นปี 2564 จะอยู่ในกรอบไม่เกิน 4.5% จาก 3.9% ณสิ้นปี 2563 จากสภาวะเศรษฐกิจไทยที่ยังอยู่ในช่วงฟื้นตัวโดย ธ.พ. มี Coverage Ratio ณ สิ้นงวด 4Q63 ที่181.6% สูงกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่มที่ 150%แนวโน้มกำไรปี 2564 ฟื้นตัวจากฐานต่ำปีก่อน ด้านราคาหุ้น BBL ยังคง Laggard SETBANK และหุ้นธพ.อื่นๆอยู่มากพอสมควร

ปิดท้ายที่   BDMS ([email protected] หลังจาก ศบค.เห็นชอบรพ.เอกชนสามารถให้บริการวัคซีน (อย่างเป็นทางการ) คาดเป็นปัจจัยปลดล็อคความกังวล หนุนให้คาดหวังการฟื้นตัวผู้ป่วยไทยกลับเข้ามาใช้บริการมากขึ้น บวกต่อ BDMS ที่มีสาขาครอบคลุมรอรับการฟื้นตัวภาพรวมเชื่อว่าจะช่วยหนุนให้เห็นการฟื้นตัวมีนัยฯมากขึ้นนับจาก 2Q64 และในช่วง 2H64 จึงยังคงคาดกำไรปกติ ปี 2564 เติบโต 28.4% นอกจากนี้ มีอีก Highlightบวก ที่ออยู่ คือการผ่อนคลายมาตรการกักตัวผู้ป่วยต่างชาติ Fly-in ที่ฉีดวัคซีนแล้ว เช่น ลดวันกักตัวฝ่ายวิจัยยังชื่นชอบ BDMS มากสุดในกลุ่มฯ จากธุรกิจที่แข็งแกร่ง และมีเครือข่ายครอบคลุม มูลค่าพื้นฐานที่ 24ยังมี Upside ลงทุน 11.6% แนะนำทยอยสะสม

ลุ้นหุ้นไทยไปต่อ อานิสงส์บอนด์ยีลด์ย่อตัว







ข่าวแนะนำ