TNN online ผวาฟองสบู่ตลาดเงินทั่วโลก ข้อพิพาทสหรัฐ-จีนปะทุทุบหุ้นร่วง

TNN ONLINE

Wealth

ผวาฟองสบู่ตลาดเงินทั่วโลก ข้อพิพาทสหรัฐ-จีนปะทุทุบหุ้นร่วง

ผวาฟองสบู่ตลาดเงินทั่วโลก ข้อพิพาทสหรัฐ-จีนปะทุทุบหุ้นร่วง

หุ้นทั่วโลกยังเผชิญความผันผวน แม้สภาคองเกรสหรัฐอนุมัติร่างมาตรการเยียวยาเศรษฐกิจรอบใหม่ เหตุกังวลบอนด์ยีลด์พุ่ง ภาวะฟองสบู่ตลาดเงินโลก-ภาคอสังหาริมทรัพย์จีนเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ต้องติดตามใกล้ชิด

น.ส.เกษรี อายุตตะกะ   ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ Chief Investment Officeบล. ไทยพาณิชย์ เปิดเผยว่า ในสัปดาห์นี้ ตลาดหุ้นส่วนใหญ่ยังมีแนวโน้มเคลื่อนไหวผันผวน แม้ได้รับ Sentiment ในเชิงบวก จากความคาดหวังว่าสภาคองเกรสสหรัฐฯจะอนุมัติร่างมาตรการเยียวยาเศรษฐกิจรอบใหม่ และนายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐ จะลงนามร่างดังกล่าวเพื่อบังคับใช้เป็นกฏหมายในสัปดาห์นี้ 


ขณะที่ ตลาดเริ่มคลายความกังวลลงบางส่วนต่อการเพิ่มสูงขึ้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ หลังนางเยลเลน รัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐฯเปิดเผยว่า อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวของสหรัฐฯที่เพิ่มสูงขึ้น ถือเป็นสัญญาณที่บ่งชี้ว่านักลงทุนกำลังคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯจะฟื้นตัวแข็งแกร่งขึ้น ไม่ใช่กังวลเกี่ยวกับอัตราเงินเฟ้อสหรัฐฯที่เพิ่มขึ้นนอกจากนี้ ยังได้แรงหนุนจากความคืบหน้าในการทยอยแจกจ่ายวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 โดยล่าสุดองค์การอนามัยโลก เปิดเผยว่า ได้มีการสอบวัคซีนโควิด-19 ภายใต้โครงการ COVAX ไปยัง 20 ประเทศทั่วโลก มากกว่า 20 ล้านโดส


สำหรับความกังวลจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯที่ปรับเพิ่มขึ้น ซึ่งส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรในกลุ่มประเทศเศรษฐกิจหลักอื่นปรับเพิ่มขึ้นตาม ความเสี่ยงจากแรงขายทำกำไรระยะสั้น โดยเฉพาะหุ้นกลุ่ม Growth สหรัฐฯ ที่เป็นหุ้นขนาดกลางและเล็ก ยังไม่มีกำไรมาก และมีกระแสเงินสดที่อ่อนแอ สวนทางกับราคาของกลุ่มฯที่ปรับเพิ่มขึ้นมามาก และ Valuation ที่ค่อนข้างตึงตัว


รวมไปถึงความกังวลต่อความเสี่ยงที่เกิดขึ้นจากภาวะฟองสบู่ในตลาดการเงินทั่วโลก รวมทั้งภาวะฟองสบู่ในภาคอสังหาริมทรัพย์ของจีน นอกจากนี้ ความเสี่ยงทางด้านภูมิรัฐศาสตร์ และข้อพิพาทระหว่างสหรัฐฯ-จีนที่ยังมีอยู่ ประกอบกับ นักลงทุนบางส่วนมีแนวโน้มระมัดระวังการซื้อขาย เพื่อรอติดตามถ้อยแถลงจากที่ประชุมธนาคารกลางยุโรปว่า จะมีการระบุถึงเครื่องมือเพื่อช่วยชะลอการเพิ่มสูงขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรหรือไม่ โดยประเด็นข้างต้นเหล่านี้ จะยังสร้างความผันผวน และกดดันตลาดหุ้นโดยรวม


นายจตุรภัทร ทนาบุตร ผู้จัดการ Chief Investment Office บล.ไทยพาณิชย์ กล่าวว่า  เหตุการณ์สำคัญ (KEY EVENTS) ที่ต้องติดตามคือ การออกมาตรการทางการคลังเพิ่มเติมของสหรัฐฯ  หากไม่มีการแก้ไขใดๆ จะถูกส่งต่อให้ประธานาธิบดีไบเดนลงนาม ในช่วงกลางสัปดาห์นี้ ติดตามการระบาดของโควิด-19 และการใช้มาตรการ lockdown 


โดยนายกรัฐมนตรีเยอรมนี และบรรดาผู้นำรัฐ ต่างเห็นพ้องกันว่า จะทยอยผ่อนปรนมาตรการ lockdown เป็น 5 ระยะ แต่จะเพิ่มเบรกฉุกเฉิน หากไม่สามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้ ในขณะที่ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นได้ประกาศว่าจะขยายเวลาภาวะฉุกเฉิน สำหรับพื้นที่โตเกียว คานางาวะ ไซตามะ และชิบะ จนถึงวันที่ 21 มี.ค.


ประเด็นเรื่องการพัฒนาวัคซีนและยาต้านไวรัสโควิด-19 โดยสหรัฐฯได้เริ่มแจกจ่ายวัคซีนโดสเดียวของจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน หลังผ่านการอนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (FDA) ของสหรัฐฯ นอกจากนี้ ทางประธานาธิบดีไบเดน

ได้ระบุว่า จะหาวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ให้เพียงพอ สำหรับผู้ใหญ่ทุกคนทั่วสหรัฐฯ ภายในสิ้นเดือน พ.ค.นี้


ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ-จีน โดยรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐฯ ได้ระบุว่าจีนถือเป็นบททดสอบด้านภูมิรัฐศาสตร์ของสหรัฐฯครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 10 ปี และความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ-จีนอยู่ในรูปแบบของการแข่งขัน นอกจากนี้ ทางรัฐบาลสหรัฐฯ ได้สั่งยกเว้นภาษีนำเข้าอุปกรณ์ป้องกันไวรัสโควิด-19 จากจีน ต่อไปอีก 6 เดือน เพื่อป้องกันไม่ให้ราคาสินค้าดังกล่าวปรับตัวสูงขึ้น ตลอดจนความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ ยุโรป และรัสเซีย โดยสหรัฐฯ และยุโรปได้ประกาศคว่ำบาตรเจ้าหน้าที่รัสเซียที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการวางยาพิษผู้นำฝ่ายค้านของรัสเซีย 


นอกจากนี้รัฐบาลสหรัฐฯ ได้ตกลงกับสหภาพยุโรป เพื่อที่จะระงับการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าระหว่างกันเป็นเวลา 4 เดือน หลังจากที่มีการเรียกเก็บภาษีดังกล่าวจากข้อพิพาทเรื่องการให้เงินอุดหนุนอุตสาหกรรมการผลิตเครื่องบิน


การประชุมสภาประชาชนจีน (NPC) และการประชุมสภาปรึกษาการเมืองจีน (CPPCC) ซึ่งเริ่มตั้งแต่วันที่ 4-11 มี.ค.โดยคาดว่า จะมีการกำหนดเป้าหมายเศรษฐกิจที่สำคัญในปีนี้ โดยล่าสุด ได้มีการกำหนดเป้าหมาย GDP ปีนี้ที่ขยายตัวมากกว่า 6% 

และเป้าหมายการสร้างงานในเมืองอีกกว่า 11 ล้านตำแหน่ง นอกจากนี้ ให้ติดตามการออกมาตรการต่างๆที่สอดรับกับแผนเศรษฐกิจ 5 ปี และ 15 ปี


รวมถึงการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางยุโรป โดยที่ประชุมธนาคารกลางยุโรปมีแนวโน้มคงนโยบายการเงิน ทั้งอัตราดอกเบี้ยนโยบาย และการเข้าซื้อสินทรัพย์ ตามเดิม แต่ต้องติดตามการประมาณการเศรษฐกิจของยุโรปครั้งใหม่ และมุมมองของธนาคารกลางยุโรปต่อแนวโน้มการปรับเพิ่มสูงขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรในช่วงที่ผ่านมา

ข่าวแนะนำ