ส่งออกยิ้มร่า!เงินบาทอ่อนรั้งอันดับ2ในภูมิภาค

น.ส. รุ่ง สงวนเรือง ผู้อำนวยการฝ่ายส่งเสริมธุรกิจและกำกับดูแลโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทสัปดาห์ที่ผ่านมาอ่อนค่าลง  โดยวันที่ 5 มี.ค.ที่ผ่านมาแตะระดับ  30.44 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ถือเป็นการ

อ่อนค่าสุดในรอบเกือบ 4 เดือนนับตั้งแต่ 10 พ.ย. 63 ที่ 30.47 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ  สำหรับการซื้อขายในตลาด onshore, แม้จะมีกระแสเงินทุนไหลเข้า ระหว่างวันที่ 1-4 มี.ค. โดยนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไทย 4.2 พันล้านบาท  และพันธบัตรซื้อสุทธิ  4.5 พันล้านบาท แต่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวของสหรัฐฯยังคงปรับตัวสูงขึ้นตามการคาดการณ์เงินเฟ้อ หนุนค่าเงินดอลลาร์ และกดดันราคาทองคำ หลังจากประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด)ไม่ได้แสดงความกังวลต่อบอนด์ยีลด์ที่สูงขึ้นต่อเนื่อง

ส่วนสัปดาห์หน้าให้กรอบ 30.20-30.60  บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ   ซึ่งแนวโน้มอ่อนค่า หลังจากข้อมูลการจ้างงานรอกภาคเกษตรเดือน ก.พ. ของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 379,000 ตำแหน่ง สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าอาจจะเพิ่มขึ้น 210,000 ตำแหน่ง

ส่วนอัตราการว่างงานลดลงสู่ระดับ 6.2%   ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าอาจจะทรงตัวที่ระดับ 6.3%

นอกจากนี้ให้ติดตามตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ และการประชุมธนาคารกลางยุโรป(อีซีบี) โดยภาพใหญ่ยังให้น้ำหนักไปที่ตลาดบอนด์ของสหรัฐฯ ที่ยังไม่นิ่ง นักลงทุนยังกังวลต่อ ส่วนราคาทองคำส่วนทองคำ ราคาตลาดโลกลดลง จะมีแรงซื้อจากผู้ค้าทองในประเทศ ซึ่งก็เป็น flow ด้านนำเข้า อาจกดดันค่าเงินบาทให้อ่อนลง ขณะที่ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น  ซึ่งไทยเป็นผู้นำเข้า ก็อาจเกินดุลน้อยลง 

ด้านการเคลื่อนไหวของสกุลเงินในภูมิภาคตั้งแต่สิ้นเดือนก.พ.-5มี.ค.ที่ผ่านมาพบว่าสกุลเงินที่แข็งค่าคือ  รูปี-อินเดียแข็ง 0.86% ดอลลาร์-ไต้หวัน 0.68 เปโซ-ฟิลิปปินส์ 0.01% ส่วนสกุลเงินอ่อนค่ามากสุดคือ เยน-ญี่ปุ่น1.35%  รองลงมาคือบาท-ไทย  1%  รูเปียห์-อินโดนีเซีย  0.61% ริงกิต-มาเลเซีย  0.52%  วอน- เกาหลีใต้ 0.43%   ดอลลาร์-สิงคโปร์อ่อน 0.39%