TNN online หุ้นไทยเด้งสอดรับตลาดหุ้นเอเชีย หลังดาวน์โจนปิดพุ่ง

TNN ONLINE

Wealth

หุ้นไทยเด้งสอดรับตลาดหุ้นเอเชีย หลังดาวน์โจนปิดพุ่ง

หุ้นไทยเด้งสอดรับตลาดหุ้นเอเชีย หลังดาวน์โจนปิดพุ่ง

โบรกมองหุ้นไทยเด้งตามตลาดหุ้นเอเชีย หลังดาวโจนส์ปิดพุ่ง 600 จุด รับข่าวตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐดีกว่าคาด บล.เอเซีย พลัสชู 3 หุ้นเด่น CPF- AAV-STEC ด้านบล.ไทยพาณิชย์เชียร์ BDMS

 นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะดีดตัวขึ้นไปในทิศทางเดียวกับตลาดต่างประเทศ โดยตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่เคลื่อนไหวในแดนบวก  หลังดาวโจนส์ที่ปรับตัวขึ้น 600 จุด เป็นผลมาจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐออกมาดีขึ้น และเงินดอลลาร์สหรัฐฯกลับมาแข็งค่า

ส่วนตลาดบ้านเราน่าจะได้แรงหนุนจากผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนงวดไตรมาส 4/63 ที่ส่วนใหญ่จะออกมาดีกว่าคาด พร้อมให้ติดตามการทยอยประกาศตัวเลขเศรษฐกิจของประเทศสำคัญ ๆ ซึ่งน่าจะส่งสัญญาณการฟื้นตัว ประเมินแนวรับ 1,480 จุด ส่วนแนวต้าน 1,520 จุด

สำหรับหุ้นที่น่าลงทุนเลือก CPF ราคาเป้าหมาย 42 บาท เนื่องจากราคาสุกรในไทย เวียดนามและจีนฟื้นตัวคาดกำไรสุทธิปี 2563-64 จะเติบโต 32.8% yoy และ4.7% yoy จากธุรกิจสุกรในไทย จีนและเวียดนามเติบโตต่อเนื่อง โดยเห็นสัญญาณการฟื้นตัวที่ชัดเจนของราคาสุกรในไทย จีนและเวียดนามแล้ว นอกจากนี้ ยังสามารถคาดหวัง synergy จากการขายสินค้าผ่าน LOTUS ได้มากขึ้นตั้งแต่ปีนี้ เป็นต้นไป ซึ่งจะช่วยหนุนให้แนวโน้มกำไรปกติงวด 1Q64 จะเพิ่มขึ้นจากงวด 4Q63 และ 1Q63  Fair Value ปี 64 เท่ากับ 42 บาท อิง PBV 1.7 เท่า สงกว่ค่เฉลี่ย PBV ย้อนหลัง 5 ปี 1.5 SD ราคาหุ้นปัจจุบันมี Valuation สนใจ มีค่า PER เพียง 9 เท่า PBVเพียง 1.2 เท่า และสามารถคาดหวัง Div Yield เฉลี่ย  3% ต่อปี


ถัดมาเป็นหุ้น AAV  ราคาเป้าหมาย  3.20 บาท  โดยภาพหลัง COVID เป็นบวกที่สุดในกลุ่ม เนื่องจากการเดินทางใน+นอกประเทศทยอยกลับมานับจากนี้ หลังจากทั่งโลกเริ่มมีการฉีดวัคซีนให้กับประชาชนได้ราว 1 เดือนเชื่อว่าการเดินทางจะกลับมา นำโดยการเดินทางในประเทศคาดตั้งแต่ 2Q64โอกาสฟื้นตัวจากจุดต่ำสุดใน 1Q64 ที่ชัด หลังสถานการณ์ COVID ดีขึ้น ช่วยลดความเสี่ยงสภาพคล่องโดย AAV กลับมามีทางเลือก เช่น การขายตั๋วล่วงหน้า คาดช่วยให้ AAV อยู่รอด และหลัง COVID จะมีฝูงบินบริการมากสุด พร้อมรับโอกาสช่วงฟื้นตัวที่เด่นมูลค่าพื้นฐานใหม่ที่ 3.1 บาท อิง PBV ที่ 1.3 เท่าเทียบเท่า PBV Band+0.5 S.D. (เดิมใช้ PBV Band)ชดเชยมูลค่าทางบัญชีลดลงจากขาดทุนมากกว่าคาด


ปิดท้ายที่  STEC   ราคาเป้าหมาย 18 บาท เป็นผลมาจากกระแสความคืบหน้าการลงทุนกาครัฐเริ่มชัดเจนอีกครั้ง ภายหลังภาครัฐระบุว่มีแผนเดินหน้าลงทุนโครงการต่างๆ เช่น โครงการท่าเรือแหลมฉบังเฟส 3 ระยะที่ 2วงเงิน 84,361 ล้านบาท ที่จะเสนอให้ ครม. พิจารณาอนุมัติ ในวันที่ 9 มี.ค.  นี้  ปี 64 จะรับรู้รายได้งาน margin สูงอย่างโรงไฟฟ้า IPP 3 แห่งของ GบLF รวมถึงงานต่อเนื่องโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ชมพู เหลือง โดย Backlog รองรับรายได้ 3 ปีข้างหน้า พร้อมโอกาสรับงานเพิ่มจากโครงการรัฐทั้งรถไฟทางคู่ รถไฟสีส้มม่วงใต้ และสีชมพูพื้นฐานแข็งแกร่งทั้ง Backlog และฐานะการเงิน ขณะที่ราคาหุ้นซื้อขายบน Historical PBV-2SD ประเมิน FVอิง PER 24 เท่า ให้ราคาเหมาะสม 18 บาท


รายงานข่าวจากบล.ไทยพาณิชย์แจ้งว่า  รอเข้าซื้อเมื่อ SET ใกล้ 1,450 จุด เลือกหุ้นขนาดใหญ่ที่ laggard มี valuation น่าสนใจ ได้แก่ 1. หุ้นกลุ่มธนาคารที่ได้ประโยชน์ bond yield ที่อยู่ในระดับสูง BBL 2. หุ้นที่ได้ประโยชน์จากการเปิดเมืองและฉีดวัคซีน CPALL, HMPRO, CENTEL, MINT, BDMS ส่วนพอร์ตเก็งกำไร selective buy ในหุ้นสินค้าโภคภัณฑ์ TWPC ส่วนหุ้นเกาะกระแสกัญชง IP DOD RBF เก็งกำไรด้วยความระมัดระวัง ทั้งนี้แนะนำ BDMS (ราคาเป้าหมาย 28.00 บาท) เตรียมขยายฐานลูกค้าประกันสุขภาพเอกชน และการเติบโตจากตลาดจีนหลังร่วมมือกับ Ping An Heath Insurance ขณะที่ราคาหุ้นยัง laggard; เก็งกำไร NRF เข้าลงทุนในธุรกิจกัญชงครบวงจร คาดเห็นพัฒนาการเชิงบวกใน 4Q64 และเก็งกำไร BANPU ราคาถ่านหินกลับมาฟื้นตัวต่อเนื่อง


  หุ้นไทยเด้งสอดรับตลาดหุ้นเอเชีย หลังดาวน์โจนปิดพุ่ง


ข่าวแนะนำ