วัคซีนโควิดล็อตแรก2แสนโดสหนุนหุ้นไทยบวก

น.ส.วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล. โกลเบล็ก  หรือ GBS เปิดเผยว่า  ประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์นี้มีโอกาส Sideway Down จากความกังวลกับตัวเลขเงินเฟ้อที่มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งอาจทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยุติการใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินได้ ประกอบกับราคาน้ำมันดิบ WTI ที่อ่อนตัวลงกดดันหุ้นกลุ่มพลังงานทำให้มีแรงขายในหุ้นกลุ่มพลังงานออกมาต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน MSCI Index เตรียมปรับลดน้ำหนักการลงทุนตลาดหุ้นไทยรอบใหม่ ซึ่งจะมีผลประกาศอย่างเป็นทางการในวันที่ 25 ก.พ. จึงประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีไว้ที่ระดับ 1,470 - 1,530 จุด

ส่วนปัจจัยในประเทศ  ทั้งการประกาศงบของบริษัทจดทะเบียน ซึ่งวันที่ 1 มี.ค. จะเป็นกำหนดวันรายงานผลการดำเนินงานวันสุดท้าย คาดว่าผลการดำเนินจะสะท้อนผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ไปแล้ว  ขณะเดียวกันทางกระทรวงสาธารณสุขได้มีการยืนยันกำหนดการวัคซีนโควิด-19 ล็อตแรกของประเทศไทย จำนวน 200,000 โดสจะมาถึงไทยในวันพุธที่ 24 ก.พ.นี้ ซึ่งเป็นสัญญาณบวกต่อความเชื่อมั่นมากขึ้น 

นอกจากนี้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)เตรียมชงศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบศ.)เพื่อพิจารณาจัดตั้งกองทุน 30,000 ล้านบาท สำหรับช่วยผู้ประกอบการท่องเที่ยวในการปรับตัวให้เข้ากับสมดุลใหม่หลังโควิด-19 คลี่คลาย เนื่องจากไทยเริ่มได้ฉีดวัคซีนโควิด ขณะที่กระทรวงพาณิชย์ได้มีการรายงานว่าสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ มีการส่งออกโตต่อเนื่องโดยมียอดรวมในปี 63 มูลค่าสูงถึง 1.8 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.4% ส่วนใหญ่ได้อานิสงส์จากการการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 นอกจากนี้ปัจจัยการเมืองมีความไม่แน่นอนลดลงหลังจากที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรมีเสียงข้างมากลงมติ “ไว้วางใจ” ฝ่ายรัฐบาลในสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา 

  

ส่วนปัจจัยที่ต้องเฝ้าระวัง เช่น  กรณีที่รัฐบาลญี่ปุ่นมีการปรับลดการประเมินเศรษฐกิจเป็นครั้งแรกในรอบ 10 เดือน โดยระบุถึงองค์ประกอบทางเศรษฐกิจที่อ่อนแอ เนื่องจากการบริโภคชะลอตัวลง ส่วนรัสเซียเองได้ตรวจพบผู้ติดเชื้อไวรัสไข้หวัดนกสายพันธุ์ H5N8 เป็นรายแรกของโลก ซึ่งคงต้องรอดูสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และการแถลงตัวเลขดัชนีอุตสาหกรรมของของสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) รวมทั้ง สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) จะรายงานภาวะเศรษฐกิจการคลัง ภาวะเศรษฐกิจภูมิภาค และดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาค

ดังนั้นจึงแนะนำลงทุนในหุ้นที่ได้ประโยชน์ จากวัคซีนโควิดล็อตแรกเข้าไทยวันที่ 24 ก.พ.นี้  ได้แก่  AWC – ERW - MINT - CENTEL- CPN – CRC – SPA และ AOT รวมทั้งแนะนำเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของดัชนีค่าระวางเรือ ได้แก่ TTA – PSL และ RCL

นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.  โกลเบล็ก กล่่าวว่า ราคาทองคำมีโอกาสปรับตัวลงต่อเนื่องจากในทางเทคนิคมีการสร้าง Lower Low และอ่อนตัวลงทดสอบแนวรับ 1,765 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์  ซึ่งเป็นแนวรับระยะยาว โดยหากหลุดแนวรับดังกล่าวมีโอกาสอ่อนตัวลงสู่ 1,740-1,750  ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์  ทั้งนี้การปรับตัวขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐอายุ 10 ปีสู่ระดับสูงสุดในรอบ 1 ปีที่ 1.30% ยังเป็นปัจจัยกดดันเพิ่มเติม