ต้นไม้มงคลเสริมแรงใจ มาแรงรับกระแสโควิด

โควิดไวรัสมรณะได้คร่าชีวิตผู้คนทั่วโลกไปหลายล้านคนและยังไร้วี่แววจะสิ้นสุดลงเมื่อไร่ เห็นได้จากจำนวนผู้ติดเชื้อยังพุ่งไม่หยุดและการพัฒนาวัคซีนอยู่ในช่วงขั้นทดลองกว่าจะสัมฤทธิ์ผลต้องใช้เวลาอีกระยะทำให้ธุรกิจ การค้าขายที่สายป่านสั้นไปต่อไม่ไหวต้องปิดกิจการ คนตกงานกันจำนวนมาก หลายคนจึงต้องโยนตำราทิ้ง หันหาที่พึ่งพิงทางใจ เพื่อไม่ให้จิตตกไปมากกว่านี้

    

โดยแต่ละคนมีวิธีการที่แตกต่างกันขึ้นกับความชอบของแต่ละบุคคล  ซึ่งบางคนหันหน้าพึ่งกราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ บนบานศาลกล่าว ดูดวงดูหมอหวังให้ช่วยชี้ทิศนำพาชีวิตรอด และฝ่าวิกฤติครั้งนี้ไปให้ได้ แต่บางคนก็หันมาปลูกต้นไม้เสริมความเป็นสิริมงคลให้กับชีวิต หวังเพิ่มโชคลาภเรียกทรัพย์ไหลมาเทมาไม่ขาดสาย หรือให้ชีวิตราบรื่นฝ่าอุปสรรคต่างๆ แบบฉลุย แม้ว่าราคาต้นไม้บางประเภทจะปรับราคาขึ้น 30-40% ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคแม้แต่น้อยหากเทียบกับความคุ้มค่าทางจิตใจ ส่วนจะเป็นต้นไม้อะไรบ้างนั้นตาม TNNONLINE ไปดูกันเลย

    

ประเดิมที่ "เศรษฐีมีทรัพย์ หรือเศรษฐีรวยทรัพย์"  เป็นพืชในกลุ่มฟิโลเดนดรอน ที่ได้รับความนิยมมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นไม้ล้มลุกแผ่นใบสีเขียวเข้มตลอดทั้งใบ ก้านใบอวบ ออกดอกเป็นช่อบริเวณซอกใบ ดอกสีขาว มีถิ่นกำเนิดอยู่ในอเมริกาใต้ประเทศบราซิล นิยมปลูกประดับอาคารและเป็นไม้ตัดใบ โดยเชื่อกันว่าบ้านใดปลูกไว้จะร่ำรวยเงินทอง ค้าขายเจริญรุ่งเรืองมีอำนาจวาสนา และบุญบารมี  

ถัดมาเป็นต้น "กวักมหามงคล" มีถิ่นกำเนิดอยู่ในเขตร้อนทั่วๆไป หรือบริเวณเส้นศูนย์สูตรของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ตั้งแต่อินเดียลงไปจนถึงมาเลเซีย หมู่เกาะในประเทศอินโดนีเซีย ประเทศฟิลิปปินส์ ลาว เวียดนาม และจีนตอนใต้ เป็นต้นไม้ม้พุ่มขนาดเล็กดูแลง่ายใบมีลายสวยงาม ปลูกในแสงแดดอ่อนรำไร เชื่อว่าเมื่อปลูกแล้ว จะช่วยกวักเงินกวักทอง ทำมาค้าขายดี

สำหรับต้น  "ออมเงิน ออมทอง"  ก็เป็นที่นิยมไม่แพ้กัน โดยออมเงิน เป็นพรรณไม้ใบสีเขียวคล้ายใบบอน พิเศษที่เส้นลายใบของออมเงินเป็นสีขาว ส่วนออมทองเป็นสีเหลืองต้องดูแลเอาใจพิเศษนำไปออกแดดบ้างรดน้ำสม่ำเสมอ นอกจากจะช่วยเสริมดวงทางด้านการออมเงิน เก็บหอมรอบริบได้ดีแล้ว ยังช่วยดูดสารพิษต่าง ๆ ได้อีกด้วย

ตามมา "ด้วยต้นรวยไม่เลิก" ซึ่งแค่ชื่อก็ดึงให้คนมานิยมปลูกกันล้นหลามแล้ว มีต้นกำเนิดจากแอฟริกาใต้ และนำเข้ามาในเอเชีย และประเทศไทย แผ่นใบสีเขียวอมเทา มีจุดประสีเขียวเข้มกระจายอยู่ทั่วดอกเป็นช่อแบบช่อกระจะ ออกที่ปลายยอดสีขาว ก้านช่อดอกสีเขียวตั้งขึ้นหรือโค้งลง มีดอกย่อยเล็กๆ จำนวนมาก นิยมปลูกเป็นไม้กระถาง โดยเป็นต้นไม้มงคลเชื่อกันว่าปลูกติดบ้านไว้จจะเสริมความร่ำรวย และถ้าออกดอกตลอดปีแสดงถึงความมั่งคั่งโชคดีตลอดไป

ส่วน "เศรษฐีเรือนนอก"  มีถิ่นกำเนิดจากแอฟริกาใต้ เป็นไม้ล้มลุกขนาดเล็ก มีเหง้าอยู่ใต้ผิวดิน แตกใบเป็นกอแน่นไม่มีลำต้น ใบสีเขียวมันวาวขอบขาว แตกกระจายออกเป็นพุ่มอยู่เหนือดิน ดอกสีขาว จัดเป็นว่านมงคลเด่นในด้านเสริมโชคเสริมลาภและเสริมเสน่ห์ด้านเมตตามหานิยม ป้องกันภัย และเสริมส่งความเป็นสิริมงคลให้แก่ผู้ที่อยู่อาศัยในบ้าน มีคุณความเชื่อเหมือนกับการปลูกว่านเศรษฐีเรือนใน

ขณะที่ "นกน้อยนำโชค หรือนางกวักสาลิกาลิ้นทอง " มีถิ่นกำเนิดในแถบเอเชียและประเทศออสเตรเลีย เป็นไม้อวบน้ำ สูง 2-3 เมตร  กิ่งรูปทรงกระบอก สีเขียว ดอกจะมีลักษณะคล้ายกับนกสีเขียวตัวเล็กๆ ที่โผล่ออกมาจากใบประดับสีชมพูอมแดงคล้ายกลีบดอกไม้ ชอบดินร่วน ต้องการน้ำปานกลาง ชอบแดดร่มรำไร ขยายพันธุ์โดยการเพาะเมล็ดเชื่อกันว่าต้นนกน้อยจะช่วยเสริมโชคลาภ ค้าขายกิจการรุ่งเรือง และดอกที่สวยงามนำความเป็นสิริมงคลมาสู่ตัวเองและครอบครัว เงินทองไหลมาเทมา

"มหาเฮง หรือ หีบไม้งาม "  ก็เป็นอีกหนึ่งพันธุ์ไม้ที่ขึ้นชื่อในเรื่องให้โชคลาภ กิจการค้าขายรุ่งเรือง โดยเป็นไม้พุ่มขนาดเล็กจัดอยู่ในสกุล Carissa ซึ่งสกุลนี้มีอยู่ด้วยกันประมาณ 20 ชนิด เป็นไม้เขียวตลอดปีไม่ผลัดใบ ส่วนใหญ่จะเป็นไม้พุ่มมีหนาม ใบออกตรงข้ามกันเป็นคู่ใบหนามัน มีดอกสีขาว มีถิ่นกำเนิดในแอฟริกาใต้

     

"เฟิร์นเงิน" มีถิ่นกำเนิดในไทยเป็นพืชจำพวกเฟิร์น ต้นเล็กมีใบสีเขียว เคลือบด้วยสีเงินยวง เมื่อโดนแสงสว่างจะสะท้อนสีเงินออกมา ไม่ชอบแสงแดดและดินแฉะจึงไม่ต้องรดน้ำบ่อย ๆ สามารถเติบโตได้ดีในอากาศเย็น ขยายพันธุ์ด้วยการเพาะสปอร์ หรือแยกกอซึ่งเชื่อกันว่าเมื่อปลูกแล้วจะช่วยเสริมดวงทางการเงิน และยังมีคุณสมบัติติช่วยดูดความร้อนและลดมลพิษในอากาศ

 

ปิดท้ายด้วย "ดาวเรือง" ซึ่งเป็นไม้ดอกที่คนไทยรู้จักกันดี ปลูกง่าย โตเร็ว คงทนต่อสภาพแวดล้อมและมีดอกสีเหลืองทองอร่าม เชื่อกันว่า ช่วยเสริมให้มีโชคลาภด้านเงินทอง

ต้นไม้มงคลหลากหลายพันธุ์ที่ว่ามา จะเลือกปลูกต้นไหนก็ขึ้นกับความเชื่อของแต่ละบุคคล อย่างน้อยนอกจากจะช่วยชะโลมจิตใจแล้ว ก็ยังช่วยเพิ่มอากาศบริสุทธิ ดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งเป็นตัวการทำให้เกิดภาวะโลกร้อน รวมทั้งดักจับฝุ่นละอองในอากาศในช่วงที่ฝุ่นพิษ PM2.5 คละคลุ้งไปทั่วเมืองได้อีกด้วย