TNN online ดาวโจนส์ ปิดบวก 90.27 จุด ขานรับเฟดกระตุ้นศก.

TNN ONLINE

Wealth

ดาวโจนส์ ปิดบวก 90.27 จุด ขานรับเฟดกระตุ้นศก.

ดาวโจนส์ ปิดบวก 90.27 จุด ขานรับเฟดกระตุ้นศก.

ดาวโจนส์ ปิดบวก 90.27 จุด ขานรับเฟดจะเดินหน้าใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลาย เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้นตัว

วันนี้ (18 ก.พ. 64) ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (17 ก.พ.) หลังจากรายงานการประชุมเดือนม.ค.ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ระบุว่า เฟดจะเดินหน้าใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้นตัว นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยหนุนจากรายงานยอดค้าปลีกของสหรัฐที่พุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งในเดือนม.ค. อย่างไรก็ดี ดัชนี Nasdaq ปิดลบเป็นวันที่ 2 เนื่องจากนักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง


ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 31,613.02 จุด เพิ่มขึ้น 90.27 จุด หรือ +0.29% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,931.33 จุด ลดลง 1.26 จุด หรือ -0.03% ส่วนดัชนี Nasdaq  ปิดที่ 13,965.50 จุด ลดลง 82.00 จุด หรือ -0.58%


ดัชนีดาวโจนส์ปิดบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 3 เมื่อคืนนี้ ขานรับรายงานการประชุมเดือนม.ค.ของเฟดซึ่งระบุว่า เฟดจะยังคงใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายต่อไป จนกว่าจะบรรลุเป้าหมายการเติบโตของเศรษฐกิจและเงินเฟ้อ พร้อมระบุว่า เฟดต้องการเห็นอัตราเงินเฟ้อขยายตัวตามเป้าหมายอย่างยั่งยืนก่อนที่จะพิจารณาเรื่องการยุติโครงการซื้อพันธบัตรและการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย


ตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากรายงานของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐซึ่งระบุว่า ยอดค้าปลีกดีดขึ้นแข็งแกร่ง 5.3% ในเดือนม.ค. ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นครั้งแรกในรอบ 4 เดือน โดยได้แรงหนุนจากการที่ชาวอเมริกันได้รับเงินช่วยเหลือตามมาตรการเยียวยาวงเงินเกือบ 9 แสนล้านดอลลาร์ของรัฐบาลสหรัฐเมื่อช่วงปลายเดือนธ.ค.2563 ซึ่งช่วยกระตุ้นกิจกรรมทางเศรษฐกิจให้กลับมากระเตื้องขึ้นหลังจากที่หยุดชะงักจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกล่าสุดเมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมา


หุ้น 8 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปรับตัวขึ้น นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้น 1.45% หลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ทะยานขึ้นเหนือระดับ 61 ดอลลาร์/บาร์เรลเมื่อคืนนี้ โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล เพิ่มขึ้น 1.56%  หุ้นโคโนโคฟิลลิปส์ บวก 1.04% หุ้นอ็อคซิเดนเชียล ปิโตรเลียม เพิ่มขึ้น 1.02%


ดัชนีหุ้นกลุ่มสินค้าผู้บริโภคปรับตัวขึ้น 0.7% ขานรับรายงานยอดค้าปลีกเดือนม.ค.ที่แข็งแกร่งของสหรัฐ โดยหุ้นไทสัน ฟู้ดส์ พุ่งขึ้น 2.33% หุ้นพร็อคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล (P&G) เพิ่มขึ้น 0.41% หุ้นฟิลลิป มอร์ริส อินเตอร์เนชันแนล บวก 0.77% หุ้นคิมเบอร์ลีย์-คล้าค เพิ่มขึ้น 0.41%


หุ้นเชฟรอน ทะยานขึ้น 3% และหุ้นเวอไรซอน คอมมูนิเคชันส์ พุ่งขึ้น 5.4% ซึ่งการพุ่งขึ้นของหุ้นทั้งสองบริษัทเป็นอีกหนึ่งในปัจจัยที่ช่วยหนุนดัชนีดาวโจนส์ปิดในแดนบวก หลังจากบริษัทเบิร์กเชียร์ แฮธาเวย์ของนายวอร์เรน บัฟเฟตต์ประกาศซื้อหุ้นในบริษัทเวอไรซอนเป็นวงเงินสูงถึง 8.6 พันล้านดอลลาร์ และซื้อหุ้นในบริษัทเชฟรอนวงเงิน 4.1 พันล้านดอลลาร์


อย่างไรก็ดี นักลงทุนยังคงเทขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ซึ่งส่งผลให้ดัชนี Nasdaq ปิดในแดนลบติดต่อกันเป็นวันที่ 2 โดยหุ้น Nvidia ดิ่งลง 2.77% หุ้นแอปเปิล ร่วงลง 1.76% หุ้นเพย์พาล โฮลดิ้งส์ ร่วงลง 2.49% หุ้นเน็ตฟลิกซ์ ปรับตัวลง 1.07%


นอกจากนี้ บรรยากาศการซื้อขายในตลาดยังได้รับแรงกดดันหลังจากสหรัฐเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อที่สูงขึ้นในเดือนม.ค. ซึ่งทำให้นักลงทุนกังวลว่าการพุ่งขึ้นของอัตราเงินเฟ้อจะส่งผลให้เฟดปรับเปลี่ยนนโยบายการเงินในเวลาที่รวดเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยเมื่อคืนนี้ว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เพิ่มขึ้น 1.3% ในเดือนม.ค. ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค. 2552 เนื่องจากราคาต้นทุนสินค้าและบริการพุ่งขึ้น ซึ่งบ่งชี้ว่าเงินเฟ้อของสหรัฐปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง

       

ข่าวแนะนำ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง