TNN online กรุงไทยเปิดขาย 3กองทุนลุยตราสารหนี้โลก

TNN ONLINE

Wealth

กรุงไทยเปิดขาย 3กองทุนลุยตราสารหนี้โลก

กรุงไทยเปิดขาย 3กองทุนลุยตราสารหนี้โลก

บลจ.กรุงไทยเปิดขาย 3 กองทุนใหม่ รองรับนักลงทุนหาผลตอบแทนสูง เน้นกระจายพอร์ตลงทุนทั่วโลกในช่วงดอกเบี้ยต่ำ

นางชวินดา  หาญรัตนกูล  กรรมการผู้จัดการ   บลจ. กรุงไทย   เปิดเผยว่า ได้เปิดขาย  3 กองทุน คือ กองทุนเปิดกรุงไทย โกลบอล ฟิกซ์ อินคัม 1Y16 ในระหว่างวันที่ 19 – 25 ก.พ.และ กองทุนเปิดกรุงไทย โกลบอล ฟิกซ์ อินคัม 1Y17 และ 1Y18 ในมี.ค.นี้ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ลงทุนที่มองหาโอกาสรับผลตอบแทนในกองทุนประเภท Term Fund โดยสามารถกระจายพอร์ตการลงทุนไปทั่วโลกเพื่อรับผลตอบแทนที่สูงกว่าการลงทุนในประเทศในช่วงภาวะดอกเบี้ยต่ำ ระยะยาวและสถานการณ์ความผันผวนของเศรษฐกิจปัจจุบัน  หลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้เสนอขายกองทุนตราสารหนี้ทั่วโลก อายุโครงการประมาณ 1 ปี มาแล้ว 15 ซีรีส์ ตั้งแต่เดือนก.ค.63 ที่ผ่านมาาแล้วประสบผลสำเร็จ ระดมทุนได้แล้วกว่า 43,000 ล้านบาท 

 

สำหรับกองทุนเปิดกรุงไทย โกลบอล ฟิกซ์ อินคัม 1Y16 เป็นกองทุนตราสารหนี้ โดยจะลงทุนในทรัพย์สินประเภทตราสารหนี้ รวมกันทุกขณะไม่น้อยกว่า  80 % ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน โดยกองทุนมี  นโยบายการลงทุนในตราสารหนี้ เงินฝาก หรือตราสารการเงินที่มีอันดับความน่าเชื่อถือของตราสารหรือของผู้ออกตราสารอยู่ในอันดับ ที่สามารถลงทุนได้ (investment grade) และลงทุนในหน่วย CIS ของกองทุนรวมที่มีนโยบายการลงทุนในทรัพย์สินประเภท  ตราสารหนี้ 


อย่างไรก็ตาม กองทุนอาจพิจารณาลงทุนในตราสารแห่งหนี้ที่มีอันดับความน่าเชื่อถือของตราสารหรือของผู้ออกตราสารต่ำกว่าที่ สามารถลงทุนได้ (non – investment grade) และ/หรือตราสารแห่งหนี้ที่ไม่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ (Unrated Securities) ไม่เกิน 20% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน 


ทั้งนี้ กองทุนจะพิจารณาลงทุนในหลักทรัพย์หรือทรัพย์สินที่เสนอขายในต่างประเทศ  โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ซึ่งกองทุนอาจพิจารณาลงทุนในหรือมีไว้ซึ่งตราสารกึ่งหนี้กึ่งทุน หรือลงทุนในหลักทรัพย์หรือทรัพย์สินอื่นหรือการหาดอกผลโดยวิธีอื่น  ตามที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. หรือสำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนด หรือเห็นชอบให้ลงทุนได้ ไม่เกิน 20 % ของมูลค่า ทรัพย์สินสุทธิของกองทุน 


ส่วนที่เหลือ กองทุนอาจพิจารณาลงทุนในหลักทรัพย์ที่เสนอขายในประเทศ ได้แก่ เงินฝาก ตราสารทางการเงิน ตราสารแห่งหนี้ และ/หรือ ลงทุนในหลักทรัพย์หรือทรัพย์สินอื่นหรือการหาดอกผลโดยวิธีอื่นตามที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. หรือสำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนด ทั้งนี้กองทุนอาจพิจารณาลงทุนในหรือมีไว้ซึ่งสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Derivatives) เพื่อลดความเสี่ยง (Hedging) หรือสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Derivatives) เพื่อเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารการลงทุน

 (Efficient Portfolio Management) ตามหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการ ก. ล.ต. และ/หรือสำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนด และอาจลงทุนในตราสารที่มีลักษณะของสัญญาซื้อขายล่วงหน้าแฝง  (Structured Note) รวมถึงอาจพิจารณาลงทุนในหรือมีไว้ซึ่งสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Derivatives) เพื่อป้องกันความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับอัตราแลกเปลี่ยน (FX Derivatives) ตามหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. และ/หรือสำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนด โดยขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุนตามความเหมาะสมกับสภาวการณ์ในแต่ละช่วง


สำหรับหน่วยลงทุนของกองทุนรวมต่างประเทศ ที่คาดว่าจะมีการลงทุนเกินกว่า  20%  ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนของกองทุน KTGF1Y16 คือ Invesco Asian Bond Fixed Maturity Fund 2022 – V (Class C USD Acc) ที่บริหารโดย Invesco บลจ.ระดับโลก 


โดยมีวัตถุประสงค์หลักในเน้นสร้างรายได้ผ่านช่วงเวลาการลงทุนที่กำหนด และคืนเงินต้นเมื่อครบกำหนดอายุกองทุน (ทั้งนี้ กองทุนไม่ได้รับประกันเงินต้น) รวมถึงมุ่งหมายที่จะบรรลุจุดประสงค์การลงทุนโดยใช้กลยุทธ์ buy-and-maintain ใน ตราสารหนี้สกุลเงิน USD ผ่านการพิจารณาความเสี่ยงเชิงรุก ในระยะเวลาการลงทุน 1 ปีนับจากช่วง Initial Offer Period ไป จนถึงช่วงครบอายุกองทุน


ซึ่งมีนโยบายลงทุน ไม่น้อยกว่า  70% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนรวมในตราสารหนี้ ในภูมิภาคเอเชียที่อยู่ในสกุลเงิน USD ที่ออกโดยผู้ออกตราสารที่ถูกพิจารณาคัดเลือกโดยดุลยพินิจของผู้จัดการ (เช่น รัฐบาล หน่วยงานรัฐบาล องค์การระหว่างประเทศที่มีลักษณะเหนือรัฐ (Supranational Entities) กลุ่มบริษัท สถาบันการเงิน และกลุ่มธนาคาร) ซึ่งอาจรวมถึงผู้ออกตราสารที่อยู่ในกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ และกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้วที่อยู่ในภูมิภาคเอเชียด้วยเช่นกัน 


ทั้งนี้ ประเทศในภูมิภาคเอเชีย ในกองทุนนี้ หมายถึง ประเทศทุกประเทศในทวีปเอเชีย ยกเว้นประเทศญี่ปุ่น แต่รวมถึง ประเทศออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์  กำหนดเงินลงทุนขั้นต่ำเพียง 1,000 บาท  และผู้ลงทุนต้องทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน 


ข่าวแนะนำ