ส.อ.ท. หนุนรัฐออกมาตรการ"รถเก่าแลกใหม่"กระตุ้น ศก.จ้างงาน

สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หนุนรัฐบาลออกมาตรการ"รถยนต์เก่าแลกใหม่"กระตุ้น เศรษฐกิจ-จ้างงาน แนะมีฐานการผลิตเองในประเทศ

วันนี้ ( 23 พ.ย.63) นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ โฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า มาตรการรถยนต์เก่าแลกรถยนต์ใหม่ได้ส่วนลดนั้น เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายของนายกรัฐมนตรีที่ต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยเบื้องต้น กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์เห็นด้วยกับมาตรการ แต่เห็นว่าควรส่งเสริมให้เปลี่ยนรถยนต์ใหม่ที่มีการผลิตในประเทศเป็นหลัก เพื่อช่วยให้ตลอดห่วงโซ่อุปทาน รวมถึงเอสเอ็มอีที่ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ป้อนโรงงานมีการจ้างงานรวมกันมากถึง 1 ล้านคน และรถยนต์ที่ผลิตในประเทศเป็นรถยนต์ที่ใช้น้ำมันเอทานอลและไบโอดีเซล ซึ่งมีส่วนช่วยเกษตรกร และยังช่วยลดมลภาวะลงได้อีกทางหนึ่งด้วย

ทั้งนี้มองว่า ควรรอให้มีการผลิตและมีโครงสร้างพื้นฐานในประเทศก่อน เพราะขณะนี้ค่ายรถยนต์หลักในไทยยังไม่มีการผลิตรถไฟฟ้า ซึ่งรถไฟฟ้าที่ขายยังต้องนำเข้าจากต่างประเทศ อีกทั้งยังมีระดับราคาที่สูงคันละกว่า 1 ล้านบาทขึ้นไปถึงหลายล้านบาท กลุ่มคนที่ซื้อจึงเป็นกลุ่มคนที่มีกำลังซื้อสูงที่ชอบเทคโนโลยีใหม่ๆ สำหรับการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในไทยเบื้องต้นจากการที่ค่ายรถยนต์ต่าง ๆ ยื่นคำขอรับส่งเสริมการลงทุนจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนหรือบีโอไอ ในช่วงปี 2561 จะต้องเริ่มต้นสายการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าปลายปี 2564-2565

ปัจจุบันประเทศไทยมียอดสะสมรถยนต์นั่งรวมประมาณ 10 ล้านคัน แบ่งเป็นรถยนต์ใช้น้ำมันเบนซิน 6.4 ล้านคัน คิดเป็นร้อยละ 62 และรถยนต์ที่ใช้น้ำมันดีเซล 3 ล้านคัน หรือคิดเป็นร้อยละ 29 ของรถยนต์ทั้งหมดในภาพรวม ส่วนยอดขายรถยนต์ไฟฟ้า ในกลุ่มรถยนต์นั่งไม่เกิน 7 ที่นั่ง เติบโตเพิ่มขึ้นร้อยละ 140 จาก 31 ธันวาคม 2562 ที่มียอดขายรวม 802 คัน มาเป็นกว่า 1,000 คัน และเป็นการเติบโตมาจากรถยนต์ไฟฟ้านำเข้าจากต่างประเทศ โดยราคาขายสูงเกินกว่า 1 ล้านบาทขึ้นไป ส่วนราคาที่ขายดีในช่วง 2-3 ล้านบาท ขณะที่ตลาดกำลังซื้อของคนส่วนใหญ่ในประเทศต้องการซื้อรถยนต์ประมาณคันละไม่เกิน 800,000 บาท โดยกลุ่มรถยนต์นั่งไฮบริดที่ขายในประเทศ ช่วง 10 เดือน (ม.ค.-ต.ค.) ปี 2563 เติบโตขึ้นร้อยละ 44 ด้วยยอดขายเดือนละประมาณ 4,700 คัน ยอดสะสม 10 เดือนที่ 47,000 คัน ยอดสะสมในประเทศกว่า 153,000 คัน แต่ภาพรวมมีสัดส่วนคิดเป็นร้อยละ 1.48 ของยอดรถยนต์สะสมทั้งหมดที่มีประมาณ 10 ล้านคัน

เกาะติดข่าวที่นี่