TNN online ผลสำรวจ พบ คนไทย 82% พร้อมรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ

TNN ONLINE

Wealth

ผลสำรวจ พบ คนไทย 82% พร้อมรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ

ผลสำรวจ พบ คนไทย 82% พร้อมรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ

ผลสำรวจ ระบุ คนไทย 82% เชื่อมั่นไทยพร้อมเปิดรับรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ พบนักท่องเที่ยว 5 ชาติ ยกให้ไทยเป็นจุดหมายปลายทางแรกจะในการเดินทางท่องเที่ยว

วันนี้ (27 ส.ค.63) Blackbox Research ร่วมกับ Dynata  และ Language Connect ร่วมทำการสำรวจเพื่อนำเสนอรายงานในหัวข้อ Unravel Travel: Fear & Possibilities in a Post Coronavirus (COVID-19) World ซึ่งเป็นการวิเคราะห์ความคิดเห็น ความพึงพอใจ และความคาดหวังของกลุ่มตัวอย่าง 10,195 คน จาก 17 ประเทศเกี่ยวกับการเดินทางหลังสถานการณ์โควิด-19

ผลจากการสำรวจชี้ให้เห็นว่าคนไทย 4 ใน 5 หรือจำนวน 82% เชื่อมั่นว่าประเทศไทยพร้อมเปิดรับกิจกรรมเพื่อการพักผ่อนและท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดี โดยความมั่นใจของคนไทยมีคะแนนสูงสุดเมื่อเทียบจากทุกประเทศที่ร่วมการสำรวจ

นอกจากนี้ ผลการศึกษา ยังระบุว่า นักท่องเที่ยวจากฮ่องกง สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และอินเดีย ต่างยกให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางแรก เมื่อประเทศของตนเปิดพรมแดนอีกครั้ง

ทั้งนี้ เศรษฐกิจไทยพึ่งพาการท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก โดยรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 11% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ

ผลสำรวจยังแสดงให้เห็นว่า คนไทยส่วนใหญ่ 93% ตระหนักถึงความสำคัญของการท่องเที่ยวที่มีต่อเศรษฐกิจของประเทศ

นอกจากนี้ คนไทย 22% เห็นด้วยว่าหน่วยงานการท่องเที่ยวในประเทศต่างๆ รวมถึงในประเทศไทย มีความจำเป็นที่จะต้องกระตุ้นและส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างเร่งด่วน โดยการเห็นด้วยของคนไทยมีคะแนนสูงสุดเมื่อเทียบจากทุกประเทศที่ร่วมการสำรวจ

นายซาอุรับห์ ซาร์ดานา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายปฏิบัติการ ของ Blackbox Research กล่าวว่า  ทัศนคติของคนไทยที่มีต่อการเปิดการท่องเที่ยวนับเป็นปัจจัยบวก โดยไทยเริ่มจากการเปิดรับการเดินทางสำหรับนักธุรกิจและนักท่องเที่ยวที่มาใช้บริการทางการแพทย์ ซึ่งสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวด้วยมาตรการด้านสาธารณสุขและความปลอดภัยเป็นกุญแจสำคัญ และไทยต้องใช้ประโยชน์จากความสำเร็จในการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19  โดยการที่ไทยมีอัตราการติดเชื้อต่ำ และมีระบบสาธารณสุขที่เข้มแข็งในการรับมือกับโรคระบาด จึงได้รับการได้รับการยอมรับในระดับภูมิภาคและระดับโลกให้เป็นจุดหมายปลายทางที่วางใจได้

ทั้งนี้ จากผลการศึกษาแสดงให้เห็นว่าการท่องเที่ยวมีส่วนสนับสนุนเศรษฐกิจไทยเป็นมูลค่ามหาศาล ซึ่งภาคธุรกิจและการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ต้องทำงานร่วมกันเต็มที่ ถ้าเทียบในกลุ่มประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ไทยมีแรงดึงดูดมากที่สุด โดย 91% ของคนไทยพร้อมส่งเสริมแหล่งท่องเที่ยวในประเทศ  เนื่องจากประเทศไทยลงทุนด้วยงบประมาณกว่า 2.24 หมื่นล้านบาท หรือ 720 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศ ซึ่งบางส่วนเป็นการสนับสนุนทางการเงินแก่นักท่องเที่ยวในประเทศที่ใช้บริการโรงแรมและร้านอาหารที่เข้าร่วมโครงการทั่วประเทศ

ขณะที่ความช่วยเหลือทางการเงินมีบทบาทอย่างยิ่งในการส่งเสริมให้คนไทยหันมาท่องเที่ยวภายในประเทศ รัฐบาลยังต้องคำนึงถึงลำดับความสำคัญของปัจจัยในการท่องเที่ยวที่เปลี่ยนแปลงไปเนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด-19

ผลสำรวจในภาพรวมพบว่า หากมีการเดินทางท่องเที่ยวครั้งต่อไป ราคาอาจไม่ใช่ปัจจัยที่มีความสำคัญเป็นอันดับแรก โดยปัจจัยที่มีความสำคัญรองลงมา ได้แก่ พาหนะที่ใช้ในการเดินทาง 18% ที่พัก 15% และแหล่งท่องเที่ยว 10% แต่สำหรับนักท่องเที่ยวไทยส่วนใหญ่ มาตรการความปลอดภัยสำหรับนักท่องเที่ยวกลับเป็นปัจจัยที่มีความสำคัญเป็นอันดับแรก พาหนะที่ใช้ในการเดินทาง 43% ที่พัก 46% แหล่งท่องเที่ยว 53%

ทั้งนี้ หากต้องการให้มาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศประสบผลสำเร็จ ทั้งรัฐบาลและผู้ประกอบการท่องเที่ยวต้องทำงานร่วมกันเพื่อรับรองว่ามีการปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ความปลอดภัยและความสะอาดอยู่ตลอดเวลา เนื่องจากเริ่มเกิดกระแสความต้องการท่องเที่ยวภายในประเทศ ดังนั้นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับคนในประเทศ จะเป็นการกระบอกเสียงในการสื่อสารถึงความไว้วางใจไปยังนักท่องเที่ยวต่างชาติในวงกว้างได้อีกด้วย

การสำรวจครั้งนี้แสดงให้เห็นว่าการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้เปลี่ยนมุมมองด้านการท่องเที่ยวอย่างสิ้นเชิง ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวต้องเปลี่ยนแปลงการทำงานในทุกมิติ และในทุกจุดบริการของนักท่องเที่ยว โดยเน้นเรื่องความปลอดภัยและสร้างความไว้วางใจขึ้นมาใหม่

ทั้งนี้ผลการสำรวจมีประเด็นสำคัญ เช่น พบว่าในช่วงเวลานี้ คนอยากท่องเที่ยวน้อยลง โดยในภาพรวม คนส่วนใหญ่ไม่มีการวางแผนท่องเที่ยวต่างประเทศในเร็วๆ นี้ โดย 44% ของผู้ตอบแบบสำรวจหลีกเลี่ยงการไปเที่ยวต่างประเทศ และพบว่า ชาวญี่ปุ่น 32% ชาวฟิลิปปินส์ 42% ชาวนิวซีแลนด์ 43% และชาวออสเตรเลีย 52% เป็นชนชาติที่อยากไปท่องเที่ยวระยะไกล "น้อยที่สุด"

ส่วน "ออสเตรเลีย" และ "ญี่ปุ่น" เป็นที่รู้จักในฐานะจุดหมายปลายทางที่เป็นที่นิยมที่สุดสำหรับนักท่องเที่ยวชาวเอเชีย ในขณะที่ "สเปน" เป็นจุดหมายปลายทางอันดับหนึ่งสำหรับนักท่องเที่ยวชาวยุโรป เนื่องจากจำนวนผู้ป่วยโควิด-19 ของสเปนมีแนวโน้มลดลงในเดือนมิถุนายน

ประเทศที่แหล่งท่องเที่ยวได้รับผลกระทบมากที่สุดระหว่างการระบาด ได้แก่ จีน อิตาลี และสหรัฐอเมริกา

ทั้งนี้การท่องเที่ยวนับจากนี้ เน้นความปลอดภัย และประสบการณ์ไร้สัมผัส ซึ่ง 80% ของผู้ตอบแบบสำรวจรวมจากทุกประเทศ เต็มใจที่จะจ่ายเพิ่มเพื่อที่พักที่ปลอดภัยขึ้น และ 74% ยอมจ่ายเบี้ยสำหรับประกันภัยการเดินทางสูงขึ้นเพื่อความคุ้มครองโรคระบาด

นอกจากนี้  76% ของผู้ตอบแบบสำรวจระบุว่า จุดหมายปลายทางที่ต้องการจะไปเยือนคือประเทศที่ให้ความใส่ใจในการมอบประสบการณ์ไร้สัมผัส และ ผู้ตอบแบบสำรวจ 66% ต้องการเดินทางโดยยานพาหนะของตนเองเมื่อขับรถเที่ยวระหว่างเมืองหรือประเทศ เมื่อเทียบกับเดินทางโดยเครื่องบิน 18% รถยนต์หรือแท็กซี่เช่าหรือจ้างเหมา 9% และรถประจำทางหรือรถไฟ 7% การท่องเที่ยวในวิถีชีวิตใหม่

สำหรับรูปแบบการท่องเที่ยวในอนาคต จากการสำรวจพบว่า บัตรผ่านขึ้นเครื่องแบบอิเล็กทรอนิกส์ E-boarding Pass 44% ห้องน้ำไร้สัมผัส 43% การเดินทางไร้สัมผัสจากสนามบินถึงโรงแรม 40% การไม่มีที่นั่งตรงกลางในการคมนาคม 36% และหนังสือเดินทางสุขภาพ Digital Health Passport, 35% นับเป็นส่วนหนึ่งของแนวคิดใหม่ที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกคาดหวังว่าจะมีการนำมาใช้ในอนาคตอันใกล้นี้


เกาะติดข่าวที่นี่

website: www.TNNTHAILAND.com
facebook : TNNONLINE
facebook live : TNN Live
twitter : TNNONLINE
Line : @TNNONLINE
Youtube Official : TNNONLINE
Instagram : TNN_ONLINE
TIKTOK : @TNNONLINE

ข่าวแนะนำ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง