เปิด 10 ธุรกิจดาวรุ่ง - ดาวร่วง ปี 2563
หอการค้าฯ เปิด 10 อันดับธุรกิจดาวรุ่ง - ดาวร่วง ปี 2563 มีอาชีพไหนบ้างไปดูกันเลย
วันนี้( 1 ม.ค.62) ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ หอการค้าไทย เปิดเผย 10 ธุรกิจเด่นในปี 2563 โดยการพิจารณาให้ความสำคัญในการพิจารณาทั้งด้านยอดขาย ต้นทุน กำไร ปัจจัยเสี่ยงและภาวการณ์แข่งขัน และ ความต้องการ กระแสนิยม ธุรกิจที่ได้รับคะแนนสูงสุด และกลายเป็นธุรกิจดารุ่งในปี 2563 ใน 10 ธุรกิจเด่น ธุรกิจ แพลตฟอร์ม ธุรกิจ ตลาดกลางทางออนไลน์ เนื่องจากปัจจุบัน พ่อค้า แม่ค้า สามารถเปิดธุรกิจค้าขายได้ ผ่านช่องทางออนไลน์ ทำให้ผู้ประกอบการเข้าร่วมในแพลตฟอร์มชื่อดัง ทั้งลาซาด้า ช้อปปี้ เป็นต้น อีกทั้ง ผู้บริโภคเองมีพฤติกรรมช้อปออนไลน์มากขึ้น ตอบโจทย์เรื่องความสะดวกสบาย ขณะที่ตัวธุรกิจแพลตฟอร์มมีการพัฒนาให้สามารถเข้าถึงผู้บริโภคอย่างตรงจุด เกิดการซื้อขายทั้งใน และต่างประเทศ
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเป็นธุรกิจที่ได้รับความนิยมสูงมาก จึงไม่แปลกที่จะเกิดการแข่งขันที่รุนแรงจากทั้งในประเทศ และต่างประเทศ ข้อจำกัดด้านบุคคลากรที่มีความเชี่ยวชาญและองค์ความรู้ในการพัฒนาแพลตฟอร์ม ยังไม่เพียงพอ ทำให้เกิดการแย่งตัวบุคคลากร จนต้นทุนค่าแรงสูง จึงเป็นความเสี่ยงที่เกิดขึ้นปัจจุบัน
อันดับ 2 ร่วม คือ ธุรกิจ e-commerce การซื้อขายผ่านออนไลน์ และ ธุรกิจเทคโนโลยี และเทคโนโลยีสารสนเทศ และอุปกรณ์ รวมทั้งผู้ให้บริการโครงข่าย ธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ที่เป็นธุรกิจดาวรุ่งอันดับ 1 ปีที่แล้ว ปีนี้ ลงมาเป็นอันดับ 2 เพราะ ธุรกิจแพลตฟอร์ม ถูกแยกออกไป เป็นเบอร์ 1 แต่ถึงแม้ร่วงลงมาเป็น เบอร์ 2 แต่ข้อมูลการค้าออนไลน์ ยังคงเติบโตในอัตราสูงถึง 20% ในปี 2563 หรือคิดเป็นมูลค่า 3.5-3.7 ล้านล้านบาท ส่วนธุรกิจ ผู้ให้บริการโครงข่าย ได้รับอานิสงค์จากการมาของ 5G และการเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมด้วยเทคโนโลยี ทั้ง IoT AI ที่ถูกนำมาใช้ในภาคอุตสาหกรรม ซึ่งผู้ให้บริการยังมีจำนวนไม่มาก ทำให้การแข่งขันไม่สูงมากนัก
อันดับ 3 ธุรกิจเกมส์ธุรกิจพัฒนา appication เกิดจากการที่มีผู้เข้าถึงแอพริเคชั่น และเกมส์มากขึ้น พฤติกรรมผู้บริโภค ใช้แอพริเคชั่น ในการช่วยผ่อนคลาย และอำนวยความสะดวกเรื่องต่างๆ เกมส์บางเกมส์ เกิดการแข่งขันกันอย่างเป็นรูปธรรม เกิดอุตสาหกรรม E-Sport ที่เป็นการแข่งขันระดับประเทศมากมาย มีเงินรางวัลจูงใจในการแข่งขัน ขณะที่นักกีฬาเอง สร้างรายได้หลักแสนตั้งแต่อายุยังน้อย
อันดับ 4 ธุรกิจขนส่งโลจิสติกส์ เป็นธุรกิจที่ได้รับอานิสงค์จากการค้าออนไลน์ และธุรกิจแพลตฟอร์มที่เติบโตอย่างรวดเร็ว และตอบโจทย์ความต้องการผู้บริโภค ลดการใช้พลังงาน และเวลา ในการเดินทางไปรับสินค้าด้วยตนเอง แต่ธุรกิจนี้ ยังมีความเสี่ยงที่เริ่มมีคู่แข่งเข้ามาในธุรกิจค่อนข้างมาก และต้นทุนการขนส่งที่อยู่ในระดับสูง ส่วนผู้ประกอบการไทยเองยังมีส่วนแบ่งในตลาดน้อย เนื่องจากบริษัทต่างชาติ เข้ามาชิงส่วนแบ่งก่อนหน้านี้แล้ว
อันดับ 5 ธุรกิจประกันภัย ประกันชีวิต และธุรกิจบริการทางการแพทย์และความงาม เนื่องจากประชาชนให้ความสำคัญเรื่องสุขภาพมากขึ้น
อันดับ 6 ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม และ ธุรกิจบน Street food ซึ่งประเทศไทยได้รับชื่อเสียงด้านนี้ จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ
อันดับ 7 ธุรกิจเกี่ยวกับผู้สูงอายุ เนื่องจากไทยกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ และความต้องการสินค้า และบริการจำนวนมาก
อันดับ 8 ธุรกิจด้าน fintech และการชำระเงินผ่าน ระบบเทคโนโลยี และธุรกิจพลังงาน
อันดับ 9 ธุรกิจก่อสร้างและโครงสร้างพื้นฐาน และ ธุรกิจที่ปรึกษาด้านกฎหมาย/บัญชี
อันดับ 10 ได้คะแนนเท่ากัน 3 ธุรกิจ ธุรกิจความเชื่อ ,ธุรกิจเกี่ยวกับทางด้านท่องเที่ยว Hostel, modern tourism, lifestyle tourism และ ธุรกิจเครื่องสำอางและครีมบำรุงผิว
จะเห็นได้ว่า 3 อันดับแรก ธุรกิจดาวรุ่ง เป็นธุรกิจที่เกี่ยวของกับดิจิทัล ดิสทรัปชั่น เป็นธุรกิจรูปแบบใหม่ ที่เกิดขึ้น และได้รับความนิยมในผู้บริโภคส่วนใหญ่ ส่วนอันดับ 4 ธุรกิจขนส่งโลจิสติกส์ ได้อานิสงค์จาก ธุรกิจอีคอมเมิร์ซ อันดับ 2 นั้นเอง
ส่วนธุรกิจดาวร่วง ปี 2563 ส่วนใหญ่เป็นธุรกิจที่ถูกดิจิทัลดิสทรัปชั่น มีธุรกิจรูปแบบใหม่ เข้ามาทดแทน อันดับ 1 คือ ธุรกิจเช่าหนังสือ ,อันดับ 2 ธุรกิจผลิตโทรศัพท์พื้นฐาน และเครื่องโทรสาร ,อันดับ 3 ธุรกิจร้านให้บริการอินเตอร์เน็ต ,
อันดับ 4 ธุรกิจสื่อสิ่งพิมพ์ และวารสาร ,อันดับ 5 ธุรกิจผลิตเสื้อผ้าสำเร็จรูปที่ใช้แรงงานเยอะและขายในประเทศ ธุรกิจหัตถกรรม และเฟอร์นิเจอร์ไม้ที่ไม่มีการปรับตัว ,อันดับ 6 ธุรกิจการค้าแบบดั้งเดิม ,อันดับ 7 ธุรกิจคนกลาง
,อันดับ 8 ธุรกิจจำหน่ายอุปกรณ์ความจำ CDs, DVDs, Blu-Ray Discs,External Hard Drives, Memory Cards เป็นต้น ,อันดับ 9 ธุรกิจดังเดิมไม่มีดีไซด์ และใช้แรงงานเยอะ เช่น เฟอร์นิเจอร์ ของเล่น และอันดับ 10 ธุรกิจสถานศึกษาเอกชน ธุรกิจร้านถ่ายรูป
นอกจากนี้ ศูนย์พยากรณ์ เศรษฐกิจและธุรกิจ ม.หอการค้า ยังเตือนธุรกิจที่มีความเสี่ยงสูงในปี 63 คือ ธุรกิจร้านกาแฟ ร้านชานมไข่มุก และร้านอาหาร ที่ทำเลไม่ดี ไม่มีแฟรนไชส์ และขนาดเล็ก และธุรกิจเบเกอรี่ อาจมีปัญหา เพราะถึงแม้จะอยู่ในกลุ่มสตรีทฟู้ด และอาหารและเครื่องดื่มที่เป็นธุรกิจเด่น อันดับ 6 แต่มีคู่แข่งจำนวนมาก เนื่องจากเป็นธุรกิจที่ได้รับความนิยม ใช้เงินทุนน้อย จนเกิดโอเวอร์ซัพพราย หรือ จำนวนร้านค้าเกินความต้องการ
ส่วนธุรกิจที่มีความเสี่ยงปานกลาง ในปี 2563 คือ ธุรกิจคลินิกเสริมความงาม ธุรกิจเครื่องสำอาง และอาหารเสริม ปัจจัยคล้ายกับร้านกาแฟ ชานมไข่มุก คือ คู่แข่งจำนวนมาก ขณะที่ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เป็นอีกธุรกิจหนึ่งที่เข้ามาเป็นธุรกิจเสี่ยงปานกลาง เพราะเป็นธุรกิจที่ใช้แรงงานอย่างเข้มข้น จึงได้รับผลกระทบจากการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเฉลี่ย 5-6 บาท ต่อวัน มีผล 1 ม.ค. 2563
สอดคล้องกับ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เปิดเผยประเด็นการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ ปี 2563 เฉลี่ย 5 บาท จากเดิม จะเพิ่มต้นทุนแรงงานเฉลี่ยอีก 0.3% ซึ่งดูทั้งอุตสาหกรรมกระทบไม่มาก แต่ถ้าเจาะไปดูรายอุตสาหกรรม อุตสาหกรรมที่มีต้นทุนการใช้แรงงานต่อต้นทุนรวม สูงกว่าค่าเฉลี่ย และเป็นการใช้แรงงานส่วนใหญ่ที่มีทักษะต่ำ เป็นจำนวนมาก จะได้รับผลกระทบสูง เช่น ร้านอาหาร ค้าปลีกค้าส่ง ก่อสร้าง อสังหาริมทรัพย์ และเกษตร ทำให้ปี 2563 ต้นทุนดำเนินธุรกิจของธุรกิจเหล่านี้ จะเพิ่มสูงขึ้น และแน่นอนว่าจะเป็นดาวร่วงในปี 2563 ขึ้นอยู่กับปัจจัยแวดล้อม ว่าจะกลบต้นทุนด้านแรงงาน ได้หรือไม่ เช่น มาตรการกระตุ้นอสังหาฯ ภาครัฐ และมาตรการประกันราคาสินค้าเกษตร เป็นต้น
เกาะติดข่าวที่นี่
facebook : TNNThailand
twitter : @TNNThailand
Line : @TNNThailand
Youtube Official : TNNThailand
