หุ้นไทยคาดราคาหุ้น Big Cap กดดันตลาด

บล.กรุงศรี พัฒนสิน ระบุว่ากระแสเงินทุนวานนี้เป็นภาพไหลเข้าเล็กน้อย เป็นการขายหุ้น -20.5ล้านเหรียญฯ แต่ซื้อพันธบัตร +29.9 ล้านเหรียญฯ ค่าเงินบาทเคลื่อนไหวแข็งค่า 33.8 +/- บาท ขณะที่พรรคก้าวไกล ที่ได้คะแนนเสียงจากการเลือกตั้งใหญ่อันดับ 1 ประกาศความพร้อมจัดตั้งรัฐบาล โดยจะติดต่อพรรคฝ่ายค้านเดิม (เพื่อไทย, ประชาชาติ, เสรีรวมไทย และไทยสร้างไทย) คาดจะมีเสียงจัดตั้งรัฐบาลราว 308 เสียง โดยพรรคเพื่อไทยที่ได้คะแนนเป็นอันดับที่ 2 ยืนยันจะไม่มีแนวคิดจะจัดตั้งรัฐบาลแข่ง และมีแนวโน้มเข้าร่วมรัฐบาล ประเมินเป็นบวกแนวโน้มทิศทางรัฐบาลใหม่ที่จะมีเสถียรภาพการขับเคลื่อนนโยบายต่างๆ

ระยะสั้น วันนี้มองภาพตลาด “ฟื้นตัว” มองราคาหุ้น Big Cap ที่ปรับตัวลงแรงกดดันตลาดวานนี้ หากอิงคะแนนเสียง 2 พรรคใหญ่ที่ใกล้เคียงกัน การผลักดันนโยบายที่มีความแตกต่างกันค่อยเป็นค่อยไป ขณะที่กำไรตลาด 1Q23 ล่าสุดทะลุ 2.5 แสนล้านบาท ภาพรวมกำไรตลาดทั้งปีที่ระดับ 100-101 +/-บาท Valuation SET ปัจจุบันอยู่ในโซนไม่แพง Forward PER’23 ที่ 15.3 เท่า (avg 17.3 เท่า) จำกัด Downside ตลาด อย่างไรก็ตาม หากอิงภาพระยะกลางที่ประเทศไทยมีโอกาสได้รัฐบาลที่มีเสถียรภาพ พร้อมผลักดันโครงสร้างเศรษฐกิจที่กำลังฟื้นตัวเร่งมากขึ้น มองเป็นแรงหนุน SET Index เดินหน้าสู่เป้าปี 2023 ที่ 1768จุด ทั้งนี้  อิง ERP เฉลี่ย 3.35%  โดยยังให้ลงทุนหุ้นไทยน้ำหนัก 80% 

ด้าน บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) ประเมินการปรับลงแรงมาจาก 

1) ผลการเลือกตั้งที่ผิดคาดก้าวไกล มีโอกาสจัดตั้งรัฐบาล แม้จะได้รับความนิยมสูง แต่นักลงทุนยังตั้งคำถามถึงความสามารถของทีมเศรษฐกิจ ทำให้ขาดความมั่นใจ 

2) การอภิปรายในอดีตของก้าวไกล ต่อหุ้นในธุรกิจไฟฟ้า, สัมปทานดาวเทียม และการควบรวมของหุ้นสื่อสาร ที่อาจกระทบต่อภาวะการแข่งขัน รวมถึงด้านลบของทุนนิยม 

3) แนวคิดของพรรคก้าวไกลเกี่ยวกับการจัดเก็บภาษีกำไรจากการลงทุน (Capital gain tax) และ 

4) ความไม่แน่นอนของนโยบายเศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่อาจหายไป อย่างเช่นนโยบาย Digital Wallet (คนละ 10,000 บาท สำหรับประชาชนอายุ 18 ปีขึ้นไป) ของพรรคเพื่อไทย 

ทั้งนี้ เรามองการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นจริงอาจไม่ง่ายและไม่น่ากังวลอย่างที่ตลาดมีปฏิกิริยา โดยเฉพาะการแก้สัญญาที่เกิดขึ้นไปแล้ว อย่างไรก็ตาม เรามองช่วงสั้นตลาดจะติดตามความคืบหน้าในการจัดตั้งรัฐบาล เพื่อประเมินนโยบายและผลกระทบของอุตสาหกรรมต่างๆจากรัฐบาลใหม่อีกครั้ง

ภาพรวมกลยุทธ์: ผันผวนทางลงระหว่างรอความชัดเจนตั้งรัฐบาล เน้น selective buy กลุ่มที่น่าจะเห็นการฟื้นตัวได้ชัดเจนในปี 2566 และยังมีการถือครองที่ต่ำ (Underowned) อย่างไรก็ตามในทางกลยุทธ์ อาจต้องระวังการปรับลดลงต่ำกว่า 1,540 จุด จะทำให้มีความเสี่ยงทางลงในระดับต่ำกว่า 1,520 จุด