เงินเฟ้อจะกลับมาพุ่งสูงอีกครั้งหรือไม่!!
ราคาทองคำปรับตัวลงในระยะสั้น ทั้งนี้ถ้ายังไม่หลุด 1,990 ดอลลาร์คาดยังมีโอกาสรีบาวด์ขึ้นได้ โดยสามารถเข้าซื้อราคาทองคำบริเวณ 1,990 ดอลลาร์
เงินเฟ้อที่เริ่มชะลอตัวลงนับตั้งแต่กลางปี 2565 ที่ผ่านมานั้น มีโอกาสที่เงินเฟ้อจะพุ่งสูงขึ้นอีกครั้ง ด้วยสาเหตุหลายประการ ประการแรกนั่นคือ ความเป็นไปได้ของการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดที่อาจไม่กล้าขึ้นดอกเบี้ยแรง ๆ เพื่อฉุดเงินเฟ้อ ทำให้เงินเฟ้ออาจไม่ลดลงได้ เนื่องจากวิกฤตภาคธนาคารถึงแม้อยู่ภายใต้ที่ยังควบคุมได้ แต่ยังคงมีความเสี่ยงที่จะส่งผลกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจ เนื่องจากอาจทำให้ธนาคารต่าง ๆ มีความเข้มงวดมากขึ้น และอาจเกิดภาวะสินเชื่อตึงตัวขึ้น จากข้อมูลการปล่อยกู้ของธนาคารสหรัฐล่าสุดพบว่า การปล่อยกู้ของธนาคารพาณิชย์ในสหรัฐลดลงเกือบ 1.05 แสนล้านดอลลาร์ในช่วง 2 สัปดาห์สุดท้ายของเดือนมี.ค. ซึ่งถือว่าเป็นการปล่อยกู้ที่ลดลงมากที่สุดเป็นประวัติการณ์เมื่อพิจารณาจากข้อมูลของเฟดย้อนหลังไปจนถึงปี 2516 สาเหตุมาจากการการปล่อยเงินกู้ที่ลดลงของธนาคารขนาดเล็กต่าง ๆ ส่งผลต่อการคาดการณ์ว่าภาวะสินเชื่อจะอ่อนแอลงในช่วง 6 เดือนข้างหน้า นอกจากนี้ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาการเปิดเผยข้อมูลตลาดแรงงานของสหรัฐในบางตัวก็ส่อแววออกมาอ่อนแอ จึงอาจส่งผลต่อการตัดสินใจดำเนินนโยบายการเงินของเฟดมากขึ้น
ประการต่อมา คือการเปิดประเทศของจีน ที่หนุนให้เกิดความต้องการน้ำมันมากขึ้น จีนมี Demand น้ำมันสูงมาก ซึ่งจีนนับว่าเป็นอีกหนึ่งประเทศที่มีการบริโภคน้ำมันเป็นอันดับ 2 ของโลกรองจากสหรัฐอเมริกาเลยก็ว่าได้ และจีนยังเป็นผู้นำเข้าน้ำมันดิบรายใหญ่ที่สุดของโลกเช่นกัน อย่างปีที่แล้วเงินเฟ้อทั่วโลกสูงมาก จากผลกระทบสงครามรัสเซีย-ยูเครน ธนาคารกลางทั่วโลกอย่างเช่น สหรัฐ ยุโรปก็พยายามที่ขึ้นดอกเบี้ย กดเงินเฟ้อ จนทำให้เงินเฟ้อเริ่มชะลอตัวลง แต่ตอนนั้นมันอยู่ภายใต้ที่จีนยังปิดประเทศ ยังมีการ Lockdown ทำให้ความต้องการใช้น้ำมันลดลง แต่ถึงแม้จีนจะปิดประเทศก็ยังมีการเพิ่มนำเข้าน้ำมันจากรัสเซียมากขึ้น โดยจีนมีการเพิ่มปริมาณนำเข้าน้ำมันจากรัสเซียมากถึง 55%-60% ในปีที่ผ่านมา ทำให้รัสเซียได้กลายมาเป็นประเทศผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่ที่สุดไปยังจีน แทนที่ซาอุดีอาระเบียไปแล้ว และยิ่งจีนเปิดประเทศ ความต้องการน้ำมันก็ยิ่งสูงขึ้น จนทำให้ยอดการส่งออกน้ำมันดิบและเชื้อเพลิงยังคงสูงขึ้นต่อเนื่องเป็นประวัติการณ์ จากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่เริ่มกระเตื้องขึ้น จึงอาจดันราคาน้ำมัน และนี่ก็อาจเป็นหนึ่งตัวแปรที่สำคัญที่ทำให้เงินเฟ้อในปีนี้ลดยาก
อีกปัจจัยหนึ่งอาจดันเงินเฟ้อให้พุ่งสูง คือ Supply ที่ลดลง จากที่ OPEC+ ประกาศปรับลดการผลิตน้ำมันลงอีก 1.16 ล้านบาร์เรล/วันจะเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่เดือนพ.ค.ไปจนถึงสิ้นปี 2566 ปัจจัยดังกล่าวยิ่งเข้ามาดันให้ราคาน้ำมันมีแนวโน้มที่ปรับตัวสูงขึ้น
เงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้น เป็นปัจจัยบวกต่อราคาทองคำ เพราะทองคำสามารถป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อได้ แม้ว่าปีที่แล้วเงินเฟ้อจะพุ่งสูง จนทำให้เฟดขึ้นดอกเบี้ยแรง และกดดันราคาทองคำก็ตาม แต่ ณ ปีนี้บริบทอาจเปลี่ยนไป ขณะที่ยังมีความเสี่ยงที่เงินเฟ้อจะกลับไปพุ่งสูงได้อีกครั้ง แต่เฟดอาจไม่กล้าขึ้นดอกเบี้ยแรงได้อีก เพราะอาจจะทำให้เกิดวิกฤตต่าง ๆแล้วนำไปสู่ความเสี่ยงของการเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย ทำให้ปีนี้ทองคำยังคงน่าสนใจต่อความไม่แน่นอนของภาวะเศรษฐกิจ
หลังจากที่ราคาทองคำดีดตัวขึ้นในระดับสูงสุดที่ 2,031 ดอลลาร์ แล้วเกิดรูปแบบลักษณะ Long Legged Doji ซึ่งบ่งบอกถึงการสู้กันอย่างหนักระหว่างแรงซื้อและแรงขาย หลังจากนั้นเกิดแท่งเทียนสีแดง 2 อัน จึงยังคงเสี่ยงที่ราคาทองคำปรับตัวลงในระยะสั้น ทั้งนี้ถ้ายังไม่หลุด 1,990 ดอลลาร์คาดยังมีโอกาสรีบาวด์ขึ้นได้ โดยสามารถเข้าซื้อราคาทองคำบริเวณ 1,990 ดอลลาร์ ส่วนสัปดาห์นี้สหรัฐเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนมี.ค. และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนมี.ค. นอกจากนี้สหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ยอดค้าปลีกเดือนมี.ค. การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนมี.ค. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนเม.ย.ของม.มิชิแกน
เงินเฟ้อจะกลับมาพุ่งสูงอีกครั้งหรือไม่!!
Gold Bullish
ภาวะเศรษฐกิจโลกมีความเสี่ยงเข้าสู่ภาวะถดถอย
ความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ ได้แก่ สงครามระหว่างรัสเซียและยูเครนที่ทวีความรุนแรงขึ้น ความขัดแย้งระหว่างสหรัฐและจีน
หนี้สหรัฐชนเพดานที่ระดับ 31.4 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ
การชะลอการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด
Gold Bearish
การเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซียและยูเครนที่มีความคืบหน้ามากขึ้น
การคลายความกังวลของวิกฤตภาคธนาคาร
ราคาทองคำมีแนวรับอยู่ที่ 1,990 ดอลลาร์ และ 1,970 ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวต้าน 2,020 ดอลลาร์ และแนวต้าน 2,030 ดอลลาร์ ส่วนราคาทองแท่งในประเทศมีแนวรับ 32,200 บาท และ 32,000 บาท ขณะที่มีแนวต้านที่ 32,600 บาท และ 32,750 บาท
ธนรัชต์ พสวงศ์
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มฮั่วเซ่งเฮง
ติดตามข่าวหุ้นและการลงทุนทางไลน์
• Line @TNNWEALTH : https://bit.ly/3tCKmiD
———————————————————————
ติดตาม TNN Wealth ผ่านช่องทางต่าง ๆ ได้ที่
• Youtube : https://bit.ly/TNNWealthYoutube
• TikTok : https://bit.ly/TNNWealthTikTok
หรือดูรายการ Live ได้ทาง https://bit.ly/3HmUu4O