TNN online หุ้นไทยวันนี้บรรยากาศการลงทุนดีขึ้น

TNN ONLINE

Wealth

หุ้นไทยวันนี้บรรยากาศการลงทุนดีขึ้น

หุ้นไทยวันนี้บรรยากาศการลงทุนดีขึ้น

หุ้นไทยวันนี้บรรยากาศการลงทุนดีขึ้น ตอบรับการกลับมาทำ QE ของเฟดช่วยจำกัด downside ของตลาด

บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) ระบุว่าการที่ธนาคารยุโรปปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย +0.50% เป็น 3.00% ซึ่งเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 6 และเป็นไปตามที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ได้ระบุในการประชุมครั้งก่อน โดย ECB ยืนยันที่จะเดินหน้าขึ้นเบี้ยสูงและนานเท่าที่จำเป็นเพื่อกดดันให้เงินเฟ้อปรับลดลง ทั้งนี้เรามองบวกต่อการขึ้นดอกเบี้ยของ ECB เนื่องจาก 
1) เป็นการส่งสัญญาณยืนยันถึงความแข็งแกร่งของระบบธนาคารพาณิชย์ยุโรปจากกรณีปัญหาของธนาคารเครดิตสวิส (ซึ่งปัจจุบันได้รับวงเงินช่วยเหลือจากธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งจะช่วยให้มีเวลาในการแก้ปัญหา) 
2) การขึ้นดอกเบี้ยของ ECB จะทำให้ FED สามารถปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.25% ได้ง่ายขึ้น และชะลอเงินที่ไหลจากหุ้นเข้าสู่ตลาดพันธบัตร


นอกจากนี้ บรรยากาศลงทุนดีขึ้น หลังกลุ่มธนาคารเข้าช่วย FRB ขณะที่งบดุลเฟดเพิ่มขึ้น ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวบวกวานนี้ นอกจากได้อานิสงส์จากบรรยากาศลงทุนในยุโรปที่ดีขึ้น ยังมาจาก 
1) กลุ่มธนาคารในสหรัฐฯ ประกาศฝากเงินเข้าธนาคาร First Republic Bank (FRB) เพื่อเป็นการให้ความช่วยเหลือเรื่องสภาพคล่อง และสร้างความมั่นใจให้แก่ระบบธนาคาร 
2) สภาพคล่องในระบบเพิ่มขึ้น หลังธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) อัดฉีดเงินกู้รับมือวิกฤติ (Crisis lending) ส่งผลให้งบดุลเฟดกลับมาขายตัวขึ้นเป็น 8.64 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อน 8.34 ล้านล้านบาท และสูงสุดในรอบ 4 เดือน หรืออาจพูดให้เข้าใจง่ายว่าเฟดชะลอการดำเนินมาตรการลดปริมาณเงิน (QT) และกลับดำเนินมาตรการผ่อนคลาย (QE) อย่างรวดเร็ว ซึ่งน่าจะช่วยยุติการลุกลามของความกังวลในภาคธนาคารได้ ขณะที่ปริมาณเงินที่เพิ่มขึ้น น่าจะเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ วานนี้ฟื้นตัวแรงให้เราประเมิน SET Index เริ่มเข้าใกล้จุดที่จะเริ่มยืนได้ อย่างไรก็ตาม การเข้าสู่ช่วงเริ่มต้น


ภาพรวมกลยุทธ์: การกลับมาทำ QE ของธนาคารกลางสหรัฐฯ จะช่วยจำกัด downside ของตลาด ทยอยสะสม เน้นหุ้นที่มีลักษณะ defensive โดยติดตามสถานการณ์ธนาคารในยุโรป และการส่งสัญญาณยืนยันไม่ลดดอกเบี้ยของเฟดในการประชุม 22 มี.ค.นี้ อาจหนุนการฟื้นตัวของหุ้น ทยอยสะสมเน้น selective buy กลุ่มที่น่าจะเห็นการฟื้นตัวได้ชัดเจนในปี 2566 และยังมีการถือครองที่ต่ำ (Underowned) ได้แก่ และหุ้นที่มีปัจจัยบวกรายตัว โดยหุ้นที่เรามองสามารถทยอยสะสม ได้แก่ MAJOR, CPALL, MAKRO, BJC, PTTGC, IRPC, TIDLOR, AMANAH, MILL, TSTH, KSL, ROJNA, SAMART, SDC เป็นต้น

ด้าน บล.กรุงศรี พัฒนสิน คาดว่า ตลาด “UP” ต้าน 1563/1572 จุด รับ 1545/1538 จุด สินทรัพย์เสี่ยงมีทิศทางบวก สถานการณ์สถาบันการเงิน First Republic ในสหรัฐฯ และ Credit Suisse ในยุโรป มีพัฒนาการเชิงบวก หลังธนาคารดังล่าวได้รับสภาพคล่องเข้ามาเสริม ขณะที่ ECB มีมติปรับเพิ่มดอกเบี้ยนโยบายตามที่คาด 50 bps แต่จุดดี คือ การปรับลดมุมมองคาดการณ์เงินเฟ้อปี 23-24 ลงเหลือ 5.3% และ 2.9% อีกทั้ง ECB ให้คำมั่นต่อการสร้างเสถียรภาพและมีเครื่องมือเพียงพอต่อการสนุบสนุนสถาบันการเงินในยุโรป นอกจากนี้เราพบสัญญาณเฟดอัดฉีดสภาพคล่องเข้ามาในสัปดาห์ล่าสุด 2.97แสนล้านเหรียญฯ(งบดุลเพิ่มขึ้น) มากสุดตั้งแต่ 8 เม.ย. 2020 ซึ่งเป็นช่วง Covid-19 หนุนหุ้น Technology / High Growth เร่งฟื้นตัววานนี้ คาดหุ้น Big Cap และ Beta สูง จะฟื้นนำตลาด พอร์ตลงทุนได้เพิ่มน้ำหนักหุ้นขึ้นสู่ 80% แนะนำ: KBANK, SCB, STEC

ข่าวแนะนำ