TNN "ณภัทร โมรินทร์" เจน 3 แบรนด์ "เจ้าสัว" กับพันธกิจ ปรับเปลี่ยน เพื่อสิ่งที่ดีกว่า

TNN

Wealth

"ณภัทร โมรินทร์" เจน 3 แบรนด์ "เจ้าสัว" กับพันธกิจ ปรับเปลี่ยน เพื่อสิ่งที่ดีกว่า

ณภัทร โมรินทร์ เจน 3 แบรนด์ เจ้าสัว กับพันธกิจ ปรับเปลี่ยน เพื่อสิ่งที่ดีกว่า

"ณภัทร โมรินทร์" เจน 3 แบรนด์ "เจ้าสัว" กับพันธกิจ ปรับเปลี่ยน เพื่อสิ่งที่ดีกว่า

ในยุคที่ธุรกิจต้องปรับตัว เพื่อสนองตอบต่อตลาดที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว แบรนด์ "เจ้าสัว" ภายใต้การบริหารของแม่ทัพหญิง "ณภัทร โมรินทร์" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เตีย หงี่ เฮียง (เจ้าสัว) จำกัด ทายาทรุ่นที่ 3 ก็พร้อมลุยเต็มที่ ด้วยพลังความคิดที่ว่า "กล้าเปลี่ยน เพื่อสิ่งที่ดีกว่า"


"ณภัทร" ทรานส์ฟอร์มแบรนด์ "เจ้าสัว" ครั้งใหญ่ไปเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา จากแบรนด์อาหารเนื้อหมูแปรรูปและสินค้าของฝากในโคราช ขณะนี้ สินค้าของ "เจ้าสัว" ได้แตกไลน์ไปสู่ธุรกิจอาหารและขนมขบเคี้ยวเต็มตัว ภายใต้โจทย์หลัก คือ การเป็นผู้ค้นคิดความอร่อย ผนวกเข้ากับตัวตนของแบรนด์ที่มีลุคจีนสไตล์พรีเมี่ยม จนกลายเป็นสินค้น 5 กลุ่มหลัก ได้แก่ กลุ่มอาหารพร้อมรับประทาน, กลุ่มอาหารพร้อมปรุง, ขนมอร่อยรองท้อง, ขนมอร่อยเพลิน และของฝาก


ย้อนหลังไปนิด กับต้นกำเนิดของแบรนด์ "เจ้าสัว" ที่เกิดจากศูนย์จำหน่ายสินค้าของฝากอาหารแปรรูปเนื้อหมูในจังหวัดนครราชสีมา หรือโคราช โดย "เพิ่ม โมรินทร์" (แซ่เตีย) ที่มาลงหลักปักฐานทำธุรกิจสินค้าของฝาก อาทิ กุนเชียง หมูแผ่น หมูหยอง และก่อตั้ง บริษัท เตีย หงี่ เฮียง (เจ้าสัว) จำกัด ในปี 2501 และธุรกิจขยายเติบโตมาจนถึงรุ่นลูก "ธนภัทร โมรินทร์" และ ส่งต่อมาจนถึงเจนเนอเรชั่นที่ 3


"ณภัทร" เล่าว่า การเข้ามาสานต่อธุรกิจของครอบครัว เธอไม่ได้เข้ามาถึงก็นั่งตำแหน่งซีอีโอเลย แต่เริ่มจากการเรียนรู้งานในหลากหลายแผนก จนปัจจุบันบริหารธุรกิจมาแล้วกว่า 20 ปี


"เราเข้ามาเรียนรู้ทุกอย่าง เริ่มแรกก็เรียนรู้ทุกอย่างกว้างๆ ทำให้ไม่รู้อะไรที่เจาะจง จึงมาเริ่มที่แผนกขาย และจับจุดเรื่องการขาย การทำตลาด ไปคุยกับลูกค้าต่างจังหวัด มีเซลพาไป ทำให้เริ่มเข้าใจความต้องการของลูกค้า ลูกค้าที่มาซื้อของไปกินจริง ๆ เราจะได้อินไซด์ของลูกค้า และร้านค้า"


การเรียนรู้จากข้อมูลจริงด้วยตัวเอง ทำให้ "ณภัทร" ได้เริ่มสร้างฝ่ายขาย และพัฒนาสินค้า ปรับเปลี่ยนแพคเกจจิ้ง ให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด พร้อมๆ กับการให้ความสำคัญกับแบรนดิ้ง ที่ออกมาเป็นคอนเซ็ปต์ "เจ้าสัว ต้องมีตัวตน มีภาพลักษณ์ ...ลุคจีน ไม่จ๋า และต้องดูพรีเมี่ยม" ขณะเดียวกันก็เริ่มปรับโครงสร้างองค์กรให้เป็นระบบมากขึ้น


"ณภัทร" พัฒนาแบรนด์สินค้า "เจ้าสัว" มาต่อเนื่อง จนกระทั่งเจอผลกระทบครั้งใหญ่ในช่วงโควิด -19 สิ่งที่ต้องเร่งดำเนินการในช่วงนั้นคือ การบริหารการผลิต บริหารงานขาย รวมทั้งคนงาน โดยส่วนที่ได้ผลกระทบมากคือ ร้านสาขาที่เปิดตามจังหวัดต่างๆ เพราะเมื่อมีการล็อคดาวน์คนหยุดเดินทาง การขายก็หยุดชะงัก ทำให้ต้องเร่งบาลานซ์ไม่ยึดช่องทางใดช่องทางหนึ่ง ขยายช่องทางไปคอนวีเนียร์สโตร์และออนไลน์เพิ่ม


รูปแบบการบริหารของ "ณภัทร" คือการบริหารความเสี่ยง ไม่เทไปทางใดทางหนึ่งมากเกินไป พยายามบาลานซ์พอร์ตสินค้าให้หลากหลาย และขยายช่องทางการตลาด สร้างโอกาสใหม่ๆ ให้ธุรกิจเสมอ


อีกหนึ่งคีย์สำคัญ คือ การทำความเข้าใจผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงเร็ว ทำให้การทำงานของแบรนด์ "เจ้าสัว" ก็ต้องปรับเปลี่ยนเร็ว พร้อมทั้งเปิดรับฟังทั้งความคิดเห็นของลูกค้าและทีมงาน ตลอดระยะเวลา 5 ปี 10 ปี ที่ผ่านมา "เจ้าสัว" ปรับเปลี่ยนมาเรื่อยๆ ซึ่งแนวทางของการปรับเปลี่ยนนี้ เป็นหนึ่งใน Core Value ขององค์กร คือ "C-H-A-O-S-U-A" ที่ประกอบด้วย


C : COURAGE TO CHANGE กล้าเปลี่ยน เพื่อสิ่งที่ดีกว่า กล้าที่จะปรับเปลี่ยนไปตามสถานการณ์ และกล้าลองทำสิ่งใหม่ๆ H : HEART WORK ทำงานด้วยใจ มีวินัยมุ่งมั่นที่จะพัฒนา และไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค A : AGILITY ความรวดเร็วในการทำงาน กระตือรือร้น ขยันและมีพลัง O : OWNERSHIP ความรู้สึกเป็นเจ้าของ


S : SUPPORT TEAM สนับสนุนและทำงานเป็นทีม U : UPLIFT PERFORMANCE ทำงานอย่างมีคุณภาพ ประเมินและปรับปรุงตนเองอย่างสม่ำเสมอ และเปิดกว้างรับไอเดียใหม่ๆ และ A : ALWAYS POSITIVE THINKING การคิดบวก การเปิดใจรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น และปฎิบัติต่อทุกคนอย่างเท่าเทียม


จาก 7 Core Value และแนวคิดการทำงานของ "ณภัทร" ที่พร้อมเปิดรับและทำความเข้าใจ ก่อนลงมือปฏิบัติ ถือเป็นคีย์ซัคเซสที่ทำให้แบรนด์ "เจ้าสัว" สามารถยืดหยัดอยู่ในตลาดได้จนถึงวันนี้


.


ข่าวแนะนำ