TNN online สิ้นสุดทาง ‘เม่า’ จบวัฏจักร ‘ขายแล้วขึ้น ซื้อแล้วลง’

TNN ONLINE

Wealth

สิ้นสุดทาง ‘เม่า’ จบวัฏจักร ‘ขายแล้วขึ้น ซื้อแล้วลง’

สิ้นสุดทาง ‘เม่า’  จบวัฏจักร ‘ขายแล้วขึ้น ซื้อแล้วลง’

ผมเชื่อว่าพวกคุณเคยเจอ กำลังเจอ หรือติดอยู่ในวังวนของแมงเม่า ‘พอขายปุ๊ป หุ้นก็เด้งขึ้นใส่หน้า’ ‘แต่พอกดซื้อ หุ้นก็ร่วงปั๊ป’

ขอเสียงนักลงทุนหน้าใหม่หน่อยครับ หรือนักลงทุนหน้าเก่าก็ได้ที่เคยติดลูปวัฏจักรแมงเม่า

ผมเชื่อว่าพวกคุณเคยเจอ  กำลังเจอ หรือติดอยู่ในวังวนของแมงเม่า 

‘พอขายปุ๊ป หุ้นก็เด้งขึ้นใส่หน้า’ 

‘แต่พอกดซื้อ หุ้นก็ร่วงปั๊ป’


ลูปนรกนี้คอยกัดกินเงินทุน แถมยังกัดเซาะกำลังใจในการลงทุนของคุณมาตลอดใช่ไหมครับ 

พอเป็นแบบนี้   ทำให้ผมได้เห็นนักลงทุนหลายคนเลือกที่จะเดินออกจากตลาดหุ้นไป พร้อมกับคำค่อนขอดว่า ‘ไม่ใช่ที่ของเรา’ บ้าง หรือไปโทษอย่างอื่นว่า ‘เราคงไม่มีดวงทางนี้’ ก็มี


วันนี้ผมมี ‘วิธีคิด’ และ ‘วิธีทำ’ เพื่อออกจากวงจรนี้ แน่นอนว่าไม่ง่าย แต่ถ้าคุณทำได้ก็มั่นใจได้เลยว่าจะหลุดจากวงจรนี้ และสร้างการลงทุนที่แข็งแกร่งได้


เพราะวงการเม่า…เข้าแล้วออกได้!


ก่อนอื่นคุณต้องยอมรับก่อนว่า วิธีการออกจากวัฏจักรชีวิตแมงเม่าในตลาดหุ้น ต้องใช้ทั้งความรู้ความเข้าใจ วินัย และการควบคุมอารมณ์ ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลาฝึกฝน ไม่เหมาะกับคนอยากร่ำรวยทางลัด 


มาครับ วันนี้ผมจะมาสรุปความรู้ที่ต้องมีในการกดปุ่ม สิ้นสุดทางเลื่อน วัฏจักรแมงเม่าให้คุณได้ลองนำไปใช้ ส่วนเรื่องวินัยและการควบคุมลมปราณ เป็นหน้าที่ของคุณ ต้องทำด้วยตัวเองนะครับ 


พร้อมแล้ว ตั้งสติให้มั่น แล้วเรียนรู้ไปพร้อมๆ กันครับ 


ยึดคำครูเป็นสรณะ

“ลงทุนให้เหมือนเป็นเจ้าของกิจการ” - Benjamin Graham

หลักการลงทุนขั้นพื้นฐานของสาย VI คืออย่างแรกที่จะช่วยให้คุณหนีออกจากกองไฟ เลิกเป็นแมงเม่าได้ 

การมองว่าตัวคุณเองก็เป็นเจ้าของธุรกิจ จะทำให้คุณคิดและตัดสินใจอย่างถี่ถ้วนมากขึ้นก่อนจะซื้อหุ้นว่าบริษัทนี้ดีจริงไหม เติบโตได้แค่ไหน มีอะไรที่เด่นกว่าคู่แข่ง แล้วราคาหุ้นตอนนี้ถือว่าเหมาะสมหรือยัง?  


ส่วนตอนจะตัดสินใจขายหุ้น คุณก็ต้องถามตัวเองก่อนว่าทำไมถึงขาย บริษัทกำลังแย่ลงจริงหรือเปล่าและจะแย่ลงอย่างถาวรมั้ย หรือเพราะราคาหุ้นสูงเกินกว่าพื้นฐานของบริษัทไปแล้ว แล้วราคาหุ้นที่เหมาะสมควรจะเป็นเท่าไร?

ไม่ใช่การเล่นหุ้นตามกระแส มีนักวิเคราะห์คนนั้นคนนี้เชียร์ แบบไม่มีหลักการใดๆ มารองรับ 


อีกประเด็นที่ผมอยากชี้ให้คุณเห็นคือ ไม่มีมหาเศรษฐีที่เป็นเจ้าของกิจการคนไหน ยอมขายบริษัททิ้งตอนที่ราคาต่ำๆ ครับ


Jeff Bezos อาจจะเคยขายหุ้น Amazon ทิ้งไปเล็กน้อยในช่วงวิกฤติ Dot Com ตอนที่ราคาหุ้น Amazon ตกหนักๆ แต่ก็เป็นเพียงบางส่วนเท่านั้น และเขาก็ได้หุ้นเพิ่มขึ้นจากการทำหน้าที่ผู้บริหารอยู่เรื่อยๆ ทุกปีด้วย


ส่วนเงินที่ได้จากการขายหุ้น ตัวเขาก็เอาไปลงทุนในธุรกิจอื่นที่สนใจต่อ

แล้วทุกวันนี้เป็นยังไงครับ? หุ้น Amazon ราคาสูงเสียดฟ้า จนทำให้ Jeff Bezos เป็นมหาเศรษฐกิจเบอร์ต้นๆ ของโลกไปแล้ว 

กลับกัน ถ้าวันนั้น Jeff Bezos เห็นว่าราคาหุ้นตกเยอะก็เลยถอดใจ ยอมขายหุ้น Amazon ทิ้งไป ทุกอย่างก็คงจบลงตั้งแต่เมื่อ 20 ปีที่แล้ว

จริงอยู่ว่าตลาดหุ้นเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้คุณขายบริษัทที่ไม่ต้องการให้คนอื่นต่อได้เรื่อยๆ


แต่ถ้าตอนที่คุณซื้อหุ้น คุณมั่นใจแล้วว่าธุรกิจนี้สถานะการเงินแข็งแกร่งและกำลังเติบโตได้ดี อนาคตสดใส มีข้อได้เปรียบเหนือคู่แข่งชัดเจน ทำไมคุณถึงจะยอมขายให้คนอื่นในราคาถูกๆ ล่ะ จริงไหมครับ?


ตั้งกฎการซื้อขายหุ้นให้ตัวเอง

พูดถึงการซื้อหุ้นของบริษัทที่ดี ข้อต่อมาที่ผมอยากพูดถึงคือเรื่องนี้ครับ

หลังจากทำตัวให้เป็นเจ้าของธุรกิจกันไปแล้ว ผมจะขอลงลึกในรายละเอียดมากขึ้นอีกนิดเกี่ยวกับการซื้อขายหุ้น ที่ถ้าฝึกฝนจนชำนาญ ก็จะช่วยให้คุณหลุดวัฏจักรชีวิตแมงเม่าได้อย่างสมบูรณ์ 

คุณจะตั้งกฎการซื้อขายหุ้นของตัวเองยังไงก็ได้ ตามแต่กลยุทธ์การลงทุนที่คุณใช้อยู่ครับ

 

ถ้าคุณมีรายชื่อหุ้นในมือ ก็อาจตั้งกฎของตัวเองขึ้นมาว่าจะซื้อหุ้นเหล่านี้ที่ค่า PE หรือ PE per Growth (PEG) เท่านั้นเท่านี้ หรือซื้อเมื่อบริษัทเจอข่าวร้ายชั่วคราว หรือเมื่อราคาหุ้นต่ำกว่าราคาที่ประเมินได้


ส่วนกฎการขายหุ้นก็คล้ายๆ กันครับ เช่น จะขายหุ้นทิ้งทันที ถ้าพื้นฐานของบริษัทเปลี่ยนไปหรือเมื่อผู้บริหารทุจริต หรือจะขายหุ้นเมื่อค่า PE สูงเกิน เท่านั้นเท่านี้ หรือเมื่อผลประกอบการชะลอลงติดกัน 2 ไตรมาส แบบนี้ก็ได้

ยิ่งถ้าเป็นนักลงทุนสาย Technical ก็น่าจะมีกฎประจำตัวกันอยู่แล้ว ก็ยิ่งง่ายเลย เช่น ขายเมื่อราคาถึงแนวต้านใหญ่ หรือตั้งจุดขายตัดขาดทุนแบบ Trailing Stop Loss ที่ 5% จากราคาปัจจุบัน ก็มีให้เห็นทั่วไปครับ 


ข้อดีของการมีกฎที่ตายตัวคือคุณไม่ต้องเสียเวลามานั่งลังเลใจ ตอนถึงเวลาที่จะต้อง ตัดสินใจ ซึ่งจะช่วยลดการใช้อารมณ์ในการลงทุนออกไปได้ แค่พลิกดูกฎที่ตั้งไว้ แล้วก็ทำตามนั้นเลย 


แต่ไม่ใช่ว่าตั้งกฎแล้วก็ตั้งทิ้งไว้อย่างนั้นเลยคุณต้องหมั่นกลับมารีวิวกฎที่ตัวเองตั้งไว้ ด้วยว่ายังใช้ได้ผลดีอยู่ไหม ทำให้คุณขาดทุนกำไรที่ควรจะได้ไปรึเปล่า ถ้ายังสามารถพัฒนาได้ก็ค่อยหาทางปรับเปลี่ยนให้ดีขึ้นครับ


ทำตามกฎที่ตั้งไว้ไปก่อน แล้วคอยพัฒนากฎอยู่เรื่อยๆ แบบนี้ ชีวิตการลงทุนของคุณจะสงบสุขมากขึ้นครับ 

ลองกลับไปตั้งกฎการลงทุนของตัวเองดูนะครับ


อย่าง Jitta Wealth ก็มีกฎการซื้อขายหุ้นเหมือนกัน เช่นถ้าเป็นนโยบาย Jitta Ranking แล้ว AI ก็จะขายหุ้นที่ไม่ติดอันดับท็อปๆ ออก แล้วซื้อหุ้นที่ติดอันดับน่าลงทุนเข้า มาแทนที่ทุก 3 เดือน 

 

ซึ่งเป็นวิธีที่คุณก็เอาไปใช้ได้เหมือนกันครับ ถ้ามีหุ้นที่ชอบอยู่ในลิสต์จำนวนมากพอ และมีเวลาติดตามแนวโน้มของธุรกิจอยู่ตลอด

อีกเรื่องที่คุณทำให้จิตใจสงบได้นอกจากการตั้งกฎและมีกลยุทธ์ที่ชัดเจนแล้ว ก็คือการ ‘พอใจในสิ่งที่ได้’ ครับ 

อย่าลืมว่าข้อจำกัดของโลกนี้คือคุณย้อนอดีตกลับไปซื้อหุ้นเมื่อชั่วโมงที่แล้วไม่ได้ และคุณก็เดินทางไปสู่โลกอนาคตเพื่อจะเห็นราคาหุ้นก่อนคนอื่นไม่ได้ ทำได้แค่อยู่กับปัจจุบันครับ

 

ถ้าตอนที่คุณซื้อขายหุ้น คุณได้ทำตามสิ่งที่ตัวเองตั้งใจไว้แล้ว ตัดสินใจดีแล้วแต่ราคาหุ้นยังวิ่งขึ้นหรือวิ่งลงต่อ ก็ขอให้คิดว่าคุณทำดีที่สุดเท่าที่จะทำได้แล้วในเวลานั้นครับ 

ที่เหลือก็แค่เก็บผลของการกระทำนั้นมาเรียนรู้ และหมั่นพัฒนากลยุทธ์การลงทุนของตัวเองให้เฉียบแหลมยิ่งขึ้นเท่านั้น หากคุณต้องการเรียนรู้หลักการลงทุนเพิ่มเติมสามารถศึกษาได้ที่นี่เลยครับ  https://jitta.co/3Heq1bc

สุดท้ายนี้ผมขอสรุปง่ายๆ ว่าในการลงทุน คุณต้องหมั่นเรียนรู้ และใช้หลักในการลงทุนแทนการใช้อารมณ์ ฝึกฝนบ่อยๆ จนเกิดเป็นวินัยในการลงทุน เท่านี้คุณก็สามารถสิ้นสุดทาง ‘เม่า’ ได้ด้วยตัวคุณเองแล้วล่ะครับ


ตราวุทธิ์ เหลืองสมบูรณ์

CEO Jitta Wealth


ติดตามข่าวหุ้นและการลงทุนทางไลน์

• Line @TNNWEALTH : https://bit.ly/3tCKmiD

———————————————————————

ติดตาม TNN Wealth ผ่านช่องทางต่าง ๆ ได้ที่ 

• Website : https://bit.ly/TNNWealthWebsite

• Youtube : https://bit.ly/TNNWealthYoutube

• TikTok : https://bit.ly/TNNWealthTikTok

 

หรือดูรายการ Live ได้ทาง https://bit.ly/3HmUu4O

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ข่าวแนะนำ