TNN online เปิดแนวคิด “ณัฐ วงศาสุทธิกุล” กลยุทธ์สู่เบอร์หนึ่งของโลก

TNN ONLINE

Wealth

เปิดแนวคิด “ณัฐ วงศาสุทธิกุล” กลยุทธ์สู่เบอร์หนึ่งของโลก

เปิดแนวคิด “ณัฐ วงศาสุทธิกุล” กลยุทธ์สู่เบอร์หนึ่งของโลก

เปิดแนวคิด “ณัฐ วงศาสุทธิกุล” กลยุทธ์สู่เบอร์หนึ่งของโลก



บริษัท เวิลด์เฟล็กซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ WFX ภายใต้การนำของแม่ทัพใหญ่อย่าง “ณัฐ วงศาสุทธิกุล” กรรมการผู้จัดการ เวิลด์เฟล็กซ์ นำพาบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (SET) เมื่อ 23 ธันวาคม 2564 โดยสามารถยืนเหนือราคาจองที่ 7.20 บาทและยืนแกร่งเหนือระดับ 8.00 บาท ท่ามกลางบรรยากาศตลาดหุ้นขาลงทั้งจากสถานการณ์สงครามรัสเซีย-ยูเครน และผู้ติดเชื้อโควิดกลับมาเพิ่มขึ้นอีกระลอกในไทย


WFXเป็นบริษัทลูกที่แตกมาจากแม่ที่ทำธุรกิจยางพาราครบวงจร นั่นคือ บมจ. ไทยรับเบอร์ลาเท็กคซ์กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น TRUBB โดย เวิลด์เฟล็กซ์ ดำเนินธุรกิจเป็นเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายเส้นด้ายยางยืดชนิดเคลือบแป้งและเส้นด้ายยางยืดชนิดเคลือบซิลิโคนรายใหญ่ติดอันดับ Top 3 ในไทย


โดยมีโรงงานผลิตเส้นด้ายยางยืด ตั้งอยู่ในอ.ปลวกแดง จ. ระยอง ถือเป็นผู้ผลิตสินค้าขั้นกลาง สอดรับกับบริษัทแม่ TRUBB ที่เป็นผู้ผลิตต้นน้ำ โดย TRUBB ถือหุ้น WFX สัดส่วนกว่า 66%ของทุนจดทะเบียน ยิ่งการันตีหุ้นลูกอีกชั้นหนึ่ง ที่สำคัญไปมากกว่านั้น เวิลด์เฟล็กซ์ อยู่ในแวดวงและสั่งสมประสบการณ์ภายใต้ร่มเงาบริษัทแม่จนแตกบริษัทลูกถึงวันนี้เป็นเวลากว่า 30 ปี


สำหรับผลงานของ WFX ปี 2564 ที่ผ่านมา ท่ามกลางวิกฤตโควิด – 19 รุนแรง แต่บริษัททำรายได้รวม 3,776.58 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 56.79% จากช่วงเดียวกันปี 2563 (YoY) และมีกำไรสุทธิ 359.10 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 521.17% YoY ที่มีกำไรสุทธิ 57.81 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นถึง 5 เท่าตัว และถือว่าเป็นปีที่กำไรทำสถิติสูงสุด (New high) ส่วนรายได้รวม 3,776 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 56.79%จากปี 2563


เดินหน้ารุกบุกตลาดโลก


ณัฐ เล่าถึงแผนกลยุทธ์ในการทำตลาดของปีนี้ ว่า ที่ผ่านมา “เวิลด์เฟล็กซ์” ได้ดำเนินการเชิงรุกด้วยการเข้าหาลูกค้าด้วยตนเองในต่างประเทศ โดยไปทั้งประเทศจีน ซึ่งบริษัทมีลูกค้าอยู่ถึง 5 มณฑล ซึ่งบริษัทจะมีเอเย่นต์รับผิดชอบในแต่ละพื้นที่ โดยบริษัทเริ่มเปิดตลาดจากฝั่งตะวันออกเข้ามาสู่ตรงกลางมากขึ้น ตามนโยบายของจีนที่ต้องการให้เมืองในภาคกลางเติบโตด้วย


อีกทั้งยังเดินทางไปประเทศอินโดนีเซีย ,ตุรกีซึ่งบริษัทไปเปิดบูธ และได้ออเดอร์จากประเทศอิหร่านรวมถึงอียิปต์มาเป็นจำนวนมาก ขณะที่ล่าสุดได้เดินทางไปสำรวจ และเปิดตลาดที่ประเทศอินเดีย โดยใช้โมเดลที่ประสบความสำเร็จจากจีนไปปรับใช้ในการทำตลาดที่นั่น


อย่างไรก็ดี บริษัทยังมีแผนที่จะเดินทางไปประเทศบราซิลในช่วงปลายปี และต่อเนื่องไปถึงปี 2566 รวมถึงประเทศในแอฟริกา แอฟริกา อเมริกาใต้ ยุโรป เนื่องจากบริษัทเล็งเห็นแล้วว่าตลาดยังเปิดให้เข้าไปทำตลาดได้อยู่ โดยปัจจุบันความต้องการของตลาดโลกอยู่ที่ประมาณ 2 แสนตัน ซึ่งบริษัทมีส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่ที่ประมาณ 18-20% แต่จากการเปิดเกมส์รุกบุกตลาดดังกล่าวน่าจะช่วยเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดให้กับบริษัทได้เป็นจำนวนมาก โดยการที่ เวิลด์เฟล็กซ์ อยู่ใน ตลท. ก็จะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือในการเข้าหาลูกค้า


“เวิลด์เฟล็กซ์มีแผนกค้นคว้า วิจัย และพัฒนา ที่สามารถผลิตเส้นด้ายยางยืดตาม ความต้องการ” (Make to order) ของลูกค้า โดยกลยุทธ์หลักเจาะตลาดแต่ละประเทศที่สำคัญอีกอย่างก็คือ หากเราสนใจจริงก็จะใช้กลยุทธ์ทางด้านราคาเข้าช่วย แสดงให้เห็นว่าเราสู้ และลูกค้าจะไปบอกต่อ ซึ่งเราจะชนะคู่แข่งเรื่องคุณภาพ และราคา โดยพยายามอธิบายให้เห็นถึงความคุ้มค่า และเน้นการบริการที่ดีให้ลูกค้าได้ประทับใจ”


ชูจุดเด่นสะกดใจลูกค้า


สำหรับจุดเด่นของ “เวิลด์เฟล็กซ์” นั้น ณัฐ บอกว่า อยู่ที่การมีสินค้าที่หลากหลาย สามารถตอบสนองได้ทุกอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอุตสาหกรรมเสื้อผ้าและสิ่งทอ ซึ่งเวิลด์เฟล็กซ์ผลิตเส้นด้ายยางยืดที่มีคุณภาพระดับบน แต่ราคาระดับกลางถึงล่าง อีกทั้งผลิตภัณฑ์ของบริษัทยังถูกนำไปผลิตสินค้าที่มีการใช้ซ้ำ และใช้เป็นประจำอย่างต่อเนื่อง


นอกจากนี้ บริษัทยังตั้งอยู่ในชัยภูมิที่เป็นต่อ จากการที่ประเทศไทยมีแหล่งผลิตน้ำยางเป็นจำนวนมาก โดยปัจจุบันบริษัทซื้อวัตถุดิบน้ำยางพารา จากบริษัทแม่ TRUBB สัดส่วน 70% ของจำนวนทั้งหมด นอกเหนือจากไทยรับเบอร์เองแล้ว ยังมี พันธมิตรที่เป็นผู้ผลิตน้ำยางข้นอีกมากกว่า 15 ราย ในประเทศ และยังมีพันธมิตรที่เป็น ผู้ผลิต และจำหน่ายน้ำยางข้นในประเทศเวียดนามอีก จึงเป็นการการันตีได้ว่าเราจะมีวัตถุดิบน้ำยางข้นใช้อยู่ตลอดเวลา


อย่างไรก็ตาม เวิลด์เฟล็กซ์ ยังมีทีมงานฝ่ายขายและการตลาดที่เป็นชาวต่างชาติ สามารถพูดได้หลายภาษา กระจาย 50 ประเทศทั่วโลก ซึ่งจะทำให้พวกเขาสามารถใช้ภาษาท้องถิ่น ช่วยให้เข้าถึงผู้ประกอบการที่เป็น End-user ของบริษัทได้มีประสิทธิภาพ โดยไม่ต้องผ่านตัวกลาง รวมถึงการให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง แม้ว่าลูกค้าของบริษัทจะอยู่ต่างที่ ต่างเวลากันมากก็ตาม


“บริษัทสามารถรักษาอัตรากำไรขั้นต้น( Gross Profit Margin)ให้อยู่ในระดับสูง 18% รวมถึงมีโอกาสพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆตอบสนองลูกค้าได้ไม่หยุด”


มุ่งสู่เบอร์หนึ่งของโลก


ณัฐ ยังบอกอีกว่า บริษัทมีการเพิ่มกำลังการผลิตเป็น 3.5 หมื่นตันต่อปี และจะมีการเป็น 4 หมื่นตันต่อปีในช่วงต้นปี 66 หรือประมาณ 10-15% โดยแผนการขยายกำลังการผลิต การขยายส่งออกตลาดใหม่ๆ ทำให้เพิ่มโอกาสการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้น และยังทำให้ส่วนแบ่งทางการตลาดของบริษัทเพิ่มขึ้นในระยะ 1-3 ปีข้างหน้า ซึ่งบริษัทมีเป้าหมายจะขึ้นเป็นผู้นำเบอร์หนึ่งให้ได้


“ปัจจุบันทั่วโลกมีผู้ผลิตผลิตยางยืดไม่ถึง 25 ราย การแข่งขันจึงไม่สูงมาก หากจะมีรายใหม่เข้ามาในอุตสาหกรรมก็เป็นเรื่องที่ยาก เพราะต้องลงทุนสูง และต้องมีองค์ความรู้อย่างมาก โดย ณ เวลานี้ที่มีอยู่ก็จะเป็นบริษัทที่อยู่ในอุตสาหกรรมอย่างยาวนาน เช่น เวิลด์เฟล็กซ์ที่อยู่ในแวดวงมานานกว่า 30 ปี”

ข่าวแนะนำ