ทำไมเงินเฟ้อทั่วโลกถึงจุดสูงสุดแล้ว แต่มีแนวโน้มลดลงยากกว่าที่คาด

ต้นทุนทางการเงินที่สูงขึ้นทำให้บริษัทต่าง ๆ เริ่ม“ชั่งน้ำหนักการตัดสินใจลงทุน” รายงานการประชุมของ Federal Reserve เมื่อเร็วๆ นี้สังเกตว่าการลงทุนของธุรกิจต่างๆ ได้ “เริ่มตอบสนองต่อสภาวะทางการเงินที่เข้มงวดขึ้นแล้ว”  

ดัชนีเศรษฐกิจปัจจุบัน (Current Activity Indicators) ของ Goldman Sachs เริ่มหดตัวเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2020 เช่นเดียวกับผลสำรวจผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อทั่วโลกที่ระบุว่าการหดตัวเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2020 ขณะที่การประมาณการ GDPnow ของเศรษฐกิจทั่วโลกล่าสุดที่ผลิตโดย JPMorgan Chase ได้ลดลงครึ่งหนึ่งนักวิเคราะห์บางฝ่ายมองว่าตลาดแรงงานสหรัฐที่แข็งแกร่ง โดยเพิ่มถึง 261,000 ตำแหน่งในเดือนตุลาคม 

อย่างไรก็ตาม เริ่มเห็นสัญญาณของความ อ่อนแอเกิดขึ้นในตลาดแรงงานหลายประเทศ โดยค่าเฉลี่ยของอัตราการว่างงานในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 0.5 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับระดับต่ำสุดในปีก่อนหน้า ซึ่งเป็นสัญญาณเสี่ยงของเศรษฐกิจถดถอย โดยในปัจจุบัน ประเทศ ร่ำรวย 8 ใน 31 ประเทศในปัจจุบันมีคุณสมบัติตรงตามเกณฑ์นี้ รวมถึงเดนมาร์กและเนเธอร์แลนด์ แม้ยังไม่รุนแรงเท่าจุดเริ่มต้นของวิกฤตการเงินโลกในปี 2007-09 ก็ตาม

นอกจากนั้น บางประเทศ เช่น สวีเดน ได้รับผลกระทบจากอัตราดอกเบี้ยสูงทำให้ตลาดที่อยู่อาศัยกำลังตกต่ำอย่างรวดเร็ว ตอนนี้อังกฤษเกือบจะเข้าสู่ภาวะถดถอยอย่างแน่นอน ในเยอรมนีราคาพลังงานที่พุ่งสูงขึ้นทำให้หลายอุตสาหกรรมต้องปิดตัวลง 

อย่างไรก็ตาม ครัวเรือนในประเทศร่ำรวยยังมี"เงินออมส่วนเกิน" หลายล้านล้านดอลลาร์ซึ่งสะสมไว้ในปี 2020-2021 จาก การตรวจสอบมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการสนับสนุนทางการเงินอื่นๆ เงินจำนวนนี้จะช่วยให้พวกเขาใช้จ่ายต่อไปได้ แม้ว่ารายได้ที่แท้จริงจะลดลงก็ตาม 

งานวิจัยใหม่ของ Goldman Sachs พบว่าการออมเกินดุลของภาคเอกชนจำนวนมากนั้น สัมพันธ์กับภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่รุนแรงน้อยกว่า และเงินออมที่สูงหมายความว่าผลกระทบทางเศรษฐกิจจะลดลง อัตรา การจำนอง-ผิดนัดชำระหนี้จะไม่สูงมาก ซึ่งในปัจจุบัน อัตราดังกล่าวลดลงในอเมริกา และต่ำมากในนิวซีแลนด์และแคนาดา อัตราดอกเบี้ยในประเทศเจริญแล้วพุ่งขึ้นต่อเนื่อง ทำให้ดัชนี CAI ของ GS ปรับลดลงมาก เศรษฐกิจในประเทศเจริญแล้วเริ่มชะลอ ขณะที่เงินเฟ้อมีแนวโน้มลดลงยากกว่าคาด 6 เศรษฐกิจในประเทศเจริญแล้วเริ่มชะลอ ขณะที่เงินเฟ้อมีแนวโน้มลดลงยากกว่าคาด 

ในบางประเทศราคาพลังงานและอาหารที่ลดลงกำลังช่วยฉุดอัตราเงินเฟ้อทั่วไปให้ลดลง ตัวเลขล่าสุดของอเมริกาในเดือนตุลาคมดีกว่าที่นัก เศรษฐศาสตร์คาดไว้ อย่างไรก็ตาม เงินเฟ้อโดยภาพรวม (โดยเฉพาะในประเทศเจริญแล้ว) ไม่ลดลงมากอย่างที่ธนาคารกลางต้องการ อัตราเงินเฟ้อใน ประเทศร่ำรวยส่วนใหญ่สูงกว่าเมื่อที่คาดการณ์ เช่น อัตราเงินเฟ้อในสหราชอาณาจักรอยู่ที่ 11.1% ในเดือนตุลาคม ซึ่งสูงกว่าความคาดหมายของนักเศรษฐศาสตร์ ขณะที่เงินเฟ้อของแคนาดาไม่ส่งสัญญาณลดลง โดยเฉพาะเงินเฟ้อพื้นฐานเกือบทุกแห่งยังคงเพิ่มขึ้นในสามมิติ การกระจายตัว ค่าจ้าง และความคาดหวัง 

1. 1. การกระจายตัว เมื่อเงินเฟ้อเร่งตัวขึ้นเมื่อปีที่แล้ว ประเทศส่วนใหญ่จำกัดให้อยู่ในสินค้าและบริการจำนวนเล็กน้อย ในอเมริกาเป็นรถมือสอง ในญี่ปุ่นเป็นอาหาร ในยุโรปเป็นพลังงาน โดยนักเศรษฐศาสตร์หลายคนคิดว่าเมื่อราคาของส่วนประกอบเหล่านี้หยุดขึ้น อัตราเงินเฟ้อโดยรวมจะลดลง แต่ในความเป็นจริงเงินเฟ้อได้แพร่กระจายเป็นวงกว้างมากขึ้น โดย The Economist ได้วิเคราะห์ตะกร้าเงินเฟ้อจาก 36 ประเทศพัฒนาแล้ว พบว่าในเดือน มิถุนายน 60% ของราคาในตะกร้ากลางเพิ่มขึ้นมากกว่า 4% เมื่อเทียบเป็นรายปีขณะนี้สัดส่วนเพิ่มเป็น 67% แม้แต่ในญี่ปุ่น ประเทศที่เงินเฟ้อต่ำ ราคาหนึ่งในสามของตะกร้าก็เพิ่มขึ้นมากกว่า 4% การขยายตัวนี้ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าเป็นพิเศษ ซึ่งเพิ่มอัตราเงินเฟ้อโดยทำให้การนำเข้า มีราคาแพงขึ้น 

1. 2. ค่าจ้าง: เมื่อต้นทุนแรงงานของบริษัทสูงขึ้น ผู้ประกอบการมักจะส่งต่อไปยังลูกค้าในรูปของราคาที่สูงขึ้น นักวิเคราะห์หลายฝ่ายมองว่าในสหรัฐ เริ่มเห็นหลักฐานบางอย่างเกี่ยวกับการชะลอตัวของค่าจ้าง แม้ว่าจะเพิ่มขึ้น 6% หรือมากกว่านั้นเมื่อเทียบปีต่อปีเช่นเดียวกับในอังกฤษ อย่างไรก็ตาม ใน หลายประเทศ ค่าจ้างยังพุ่งต่อเนื่อง งานวิจัยจากเว็บหางาน Indeed และ ธนาคารกลางแห่งไอร์แลนด์ บ่งชี้ว่าค่าจ้างที่ประกาศในยูโรโซนยังเพิ่มขึ้น มากกว่า 5% เมื่อเทียบเป็นรายปีและยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะในฝรั่งเศส ขณะที่ JPMorgan ประเมิน ในประเทศเยอรมนี IG Metall ซึ่งเป็นสหภาพแรงงานขนาดใหญ่สำหรับคนงานด้านโลหะและวิศวกรรม กำลังขอขึ้นเงินเดือนสูงถึง 8% ในนิวซีแลนด์ นอร์เวย์ และสวีเดน การเติบโตของ ค่าจ้างยังคงเพิ่มขึ้น 

3. ความคาดหวังเงินเฟ้อ โดยบริษัทที่ปรึกษา Alternative Macro Signals ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษา จัดทำบทความข่าวหลายล้านบทความในหลายภาษา ผ่านแบบจำลองเพื่อสร้าง "ดัชนีแรงกดดันเงินเฟ้อด้านข่าว" ดัชนีซึ่งได้รับการพิสูจน์แล้วว่าเป็นตัวบ่งชี้ที่ดีของตัวเลขทางการยังคงสูงขึ้น หลักฐานที่คล้ายกันนี้มาจากข้อมูลที่ค้นหาโดย Google ซึ่งชี้ให้เห็นว่าความสนใจทั่วโลกในเรื่องอัตราเงินเฟ้อไม่เคยสูงขนาดนี้มาก่อน การวัดความคาดหวังจากการ สำรวจในทำนองเดียวกันไม่ได้ให้หลักฐานว่าอัตราเงินเฟ้ออ่อนตัวลง ตัวเลขที่รวบรวมโดย Cleveland Fed, บริษัทข้อมูล Morning Consult และ Raphael Schoenle จาก Brandeis University มาวัดการคาดการณ์เงินเฟ้อของประชาชนในประเทศร่ำรวยต่างๆ จากการสำรวจในเดือนตุลาคม ในประเทศค่ากลาง ประชาชนคิดว่าราคาจะเพิ่มขึ้น 5% ในปีหน้า เช่นเดียวกับในเดือนก่อนหน้า การคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อของบริษัทต่างๆ ซึ่งเป็นตัวแสดง ทางเศรษฐกิจที่กำหนดราคาจริงๆ ก็น่ากังวลพอๆ กัน การสำรวจโดย Cleveland Fed พบว่าบริษัทอเมริกันในปัจจุบันคาดว่าอัตราเงินเฟ้อจะอยู่ที่ 7% ในปีหน้า ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เริ่มการสำรวจในปี 2018

ติดตามข่าวหุ้นและการลงทุนทางไลน์

• Line @TNNWEALTH : https://bit.ly/3tCKmiD

———————————————————————

ติดตาม TNN Wealth ผ่านช่องทางต่าง ๆ ได้ที่ 

• Website : https://bit.ly/TNNWealthWebsite

• Youtube : https://bit.ly/TNNWealthYoutube

• TikTok : https://bit.ly/TNNWealthTikTok

 

หรือดูรายการ Live ได้ทาง https://bit.ly/3HmUu4O