"มหาเศรษฐีจีน" ความมั่งคั่งลดลงร้อยละ 18 ร่วงหนักสุดในรอบ 24 ปี

บริษัทวิจัย Hurun Report รายงานการจัดอันดับมหาเศรษฐีจีน ที่มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิขั้นต่ำอยู่ที่ 692 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (หรือที่มีความมั่งคั่งมากกว่า 25,416 ล้านบาท) ประจำปี 2565 ว่า มีจำนวนลดลงเหลือเพียง 1,305 คน จำนวนคนลดลงไปร้อยละ 11 เมื่อเทียบจากการจัดอันดับครั้งก่อน 

ขณะที่ความมั่งคั่งของพวกเขาก็ลดลงด้วยเช่นกัน คือลดลงไปร้อยละ 18  เหลือมูลค่ารวม 3.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 128.55 ล้านล้านบาท ถือเป็นความมั่งคั่งที่ลดลงไปมากที่สุดในรอบ 24 ปี 

บุคคลที่ความมั่งคั่งลดลงไปมากที่สุด คือ หยาง ฮุยหยาน (Yang Huiyan) นักธุรกิจหญิง เป็นนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ผู้ถือหุ้นใหญ่ในบริษัทอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่ของจีน คือบริษัท Country Garden Holdings โดยความมั่งคั่งของเธอลดลงไป ราวๆ 576,000 ล้านบาท

ส่วน Pony Ma ผู้ก่อตั้ง Tencent ยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีและเกม ความมั่งคั่งของเขาลดลงไปราวๆ 536,000 ล้านบาท  ซึ่งลดลงหลังจากการปราบปรามอุตสาหกรรมเกมในปีที่แล้ว 

ส่วน 3 อันดับแรกของมหาเศรษฐีจีนในปี 2565 ยังคงเป็นรายชื่อเดิม ได้แก่ จง สานส่าน (Zhong Shanshan) เจ้าของธุรกิจน้ำดื่ม หนงฟู่ (Nongfu Spring) วัย 68 ปี ที่ครองอันดับ 1 เป็นปีที่สองติดต่อกัน เขามีความมั่งคั่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 17 อยู่ที่ 2.38 ล้านล้านบาท

อันดับ 2 คือ จาง อีหมิง (Zhang Yiming) วัย 35 ปี ผู้ก่อตั้ง TikTok เจ้าของ ByteDance ความมั่งคั่งของลดลงไปร้อยละ 28 ปัจจุบันเหลืออยู่ที่ 1.28 ล้านล้านบาท

และอันดับ 3 คือ เจิง อี้ว์ฉุน (Zeng Yuqun) วัย 54 ปี ซึ่งเป็น ประธาน แคทแอล (CATL) ยักษ์ใหญ่ด้านแบตเตอรี่ ทรัพย์สินลดลงไปร้อยละ 28 เหลือ 1.20 ล้านล้านบาท โดยธุรกิจแบตเตอรี่ ได้รับแรงผลักดันจากการเติบโตในอุตสาหกรรมยานยนต์พลังงานใหม่ในจีน 

ด้าน แจ็ค หม่า ผู้ก่อตั้งอาลีบาบาร่วงจากอันดับ 5 มาอยู่ที่อันดับ 9 หลังจากสูญเสียทรัพย์สินไปร้อยละ 29 เหลือราวๆ 943,000 ล้านบาท

ทั้งนี้ความมั่งคั่งที่ลดลงไปมากที่สุดรอบ 24 ปี หัวหน้านักวิจัย บริษัท หูรุ่น รีพอร์ต กล่าวว่า มาจากหลายเหตุปัจจัย ไม่ว่าจะเป็น แนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่ถูกกระทบอย่างหนักจากปัญหาระหว่างรัสเซีย และยูเครน ซึ่งส่งผลต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนด้วย นโยบายปลอดโควิดที่เข้มงวดของรัฐบาลจีน และเป็นสาเหตุของปัญหาด้านการผลิตและซัพพลายเชนที่หยุดชะงักลง 

นอกจากนี้ การปราปรามด้านกฎระเบียบในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา กระทบกับบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่สุดของจีน ทั้ง อาลีบาบา และเทนเซนต์ และเป็นผลให้ความเชื่อมั่นใจตลาดหุ้น ทั้งในจีนแผ่นดินใหญ่และตลาดหุ้นฮ่องกงลดลงอย่างมาก ตลอดจนปัญหาในภาคอสังหาทรัพย์ที่ยืดเยื้อมานาน เป็นต้น 

ที่มาข้อมูล : TNN ONLINE

ที่มาภาพ : TNN