ดักเก็งกำไรหุ้นรับอานิสงส์คนละครึ่งเฟส 6 -เราเที่ยวด้วยกันเฟส 5

นางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย  บล.โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS  เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์นี้ยังแกว่งตัวผันผวน Sideway เนื่องจากนโยบายการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแบบเชิงรุกของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เพื่อชะลอความร้อนแรงของเศรษฐกิจเริ่มเห็นผล  โดยล่าสุดสหรัฐรายงานดัชนี PMI รวมภาคการผลิตและภาคบริการเบื้องต้นปรับตัวลงสู่ระดับ 47.3 ในเดือนต.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 2 เดือน จากระดับ 49.5 ในเดือนก.ย. ส่งผลให้คำสั่งซื้อใหม่และการจ้างงานหดตัว  บ่งชี้ว่าภาคผลิตและภาคบริการชะลอตัว

ส่วน Fed Watch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า การประชุมเฟดในวันที่ 13-14 ธ.ค. นี้มีนักลงทุนราว 53.5% เท่านั้นที่คาดว่า FED จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ลดลงจากเดิมที่เคยสูงถึง 75% อย่างไรก็ตามยังคงต้องติดตามตัวเลข GDP 3Q65 (ประมาณการเบื้องต้น) ของสหรัฐฯ ในสัปดาห์นี้ 

 ส่วนปัจจัยในประเทศด้านการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) ได้มีการเตรียมดันโครงการใหม่หนุนการใช้จ่ายปลายปีกระตุ้นเศรษฐกิจ เบื้องต้นมีความเป็นไปได้ที่จะมีโครงการเราเที่ยวด้วยกันเฟส 5 และคนละครึ่งเฟส 6 ซึ่งคาดว่าจะมีการเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในเร็ว ๆ นี้  ดังนั้นจึงให้กรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีที่ 1,570-1,620 จุด

อย่างไรก็ตามยังต้องจับตาปัจจัยต่างทั้งในประเทศ และต่างประเทศ  อาทิ วันที่ 26-29 ต.ค. ไทยเป็นเจ้าภาพการประชุมประจำปีรัฐสภาภาคพื้นเอเชียและแปซิฟิก ครั้งที่ 30  วันที่ 27-29 ต.ค. ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จัดงาน BOT Digital Finance Conference 2022 วันที่ 28 ต.ค. ธปท.รายงานภาวะเศรษฐกิจไทย

ส่วนปัจจัยจับตาในต่างประเทศในวันที่ 26 ต.ค. สหรัฐ รายงานยอดขายบ้านใหม่เดือนก.ย. และสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์ วันที่ 27 ต.ค. จีน รายงานกำไรภาคอุตสาหกรรมเดือนก.ย.

ธนาคารกลางยุโรป (ECB) แถลงมติอัตราดอกเบี้ย สหรัฐ รายงานจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) 3Q65 (ประมาณการเบื้องต้น) และวันที่ 1-2 พ.ย. กำหนดประชุมธนาคารกลางสหรัฐ

ดังนั้นแนะนำกลยุทธ์การลงทุนแนะนำหุ้นที่ได้ประโยชน์จากหน่วยงานเกี่ยวข้องเสนอโครงการคนละครึ่งเฟส 6 และ เราเที่ยวด้วยกันเฟส 5 เข้าสู่ที่ประชุมครม. โดยหุ้นที่คาดว่าจะได้ประโยชน์ หาก ครม.มีมติอนุมัติโครงการดังกล่าว ได้แก่ TNP, KK, ERW,CENTEL, VRANDA, ASAP, SPA, AAV, BA และ  AOT

นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล. โกลเบล็ก กล่าวถึงทิศทางการลงทุนในทองคำว่าในสัปดาห์นี้ยังคงต้องจับตาประกาศดัชนีเงินเฟ้อส่วนบุคคลหรือ Core PCE โดยตลาดคาดว่าอัตราเงินเฟ้อยังทรงตัวในระดับสูงต่อไป ส่งผลให้เฟดอาจเร่งปรับขึ้นดอกเบี้ย โดยตลาดให้น้ำหนักการปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟดในเดือน พ.ย. และ ธ.ค. ครั้งละ 0.75% ทำให้กรอบดอกเบี้ยในช่วงสิ้นปีอยู่ที่ 4.25-4.50% ความกังวลดังกล่าวสะท้อนผ่านผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีของสหรัฐที่ทรงตัวเหนือ 4.23% กดดันราคาทองคำเพิ่มเติม

โดยฝ่ายวิจัยมองว่าราคาทองคำอาจถูกกดดันเพราะใกล้วันประชุม FED ครั้งถัดไปในวันที่ 1-2 พ.ย. เราประเมินกรอบราคาทองคำในสัปดาห์นี้ที่  1,600-1,650 $/oz แนะนำซื้อขายตามกรอบที่ให้ไว้

ที่มา  นางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง 

ภาพประกอบ  เก็ตตี้อิมเมจ