เงินบาทแข็งโป๊ก ! รั้งอันดับ 2 ในภูมิภาค เกิดจากสาเหตุอะไร

น.ส. รุ่ง สงวนเรือง ผู้อำนวยการฝ่ายส่งเสริมธุรกิจและกำกับดูแลโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา  เปิดเผยว่า เงินบาทสัปดาห์หน้าเคลื่อนไหวในกรอบ  37.15-37.85 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ  โดยตลาดจะให้ความสนใจกับดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือน ก.ย. ของสหรัฐฯ คาดชะลอตัวลงสู่ระดับ 8.1% เทียบปีต่อปี รวมถึงการเปิดเผยรายงานประชุมเฟด และยอดค้าปลีกของสหรัฐฯ

สำหรับการเคลื่อนไหวของสกุลเงินในภูมิภาค 1 ต.ค.-7ต.ค.พบว่า วอน-เกาหลีใต้แข็งมากสุด  1.60% รองลงมาคือบาท-ไทย 0.84% ดอลลาร์-สิงคโปร์ 0.44%ดอลลาร์-ไต้หวัน 0.44%ยกเว้นรูปี-อินเดียอ่อนค่า 1.11%  เปโซ-ฟิลิปปินส์  0.35% ริงกิต-มาเลเซีย 0.29% ดอง-เวียดนาม 0.10% รูเปียห์-อินโดนีเซีย0.06%  หยวน-จีน 0.0%   

โดยเงินบาทพลิกกลับมาแข็งค่าเป็นอันดับ 2 ของกลุ่ม ในเดือนนี้ เป็นผลมาจากต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดหุ้น1.9 พันล้านบาท และและพันธบัตรซื้อสุทธิ  4.9 พันล้านบาท  นอกจากนี้ ราคาทองคำในตลาดโลกฟื้นตัวจากสัญญาณที่ว่าธนาคารกลางบางแห่งอาจเริ่มขึ้นดอกเบี้ยในอัตราที่ลดลง อาทิ ออสเตรเลีย 

โดยราคาที่สูงขึ้นส่งผลให้ผู้ค้าทองในประเทศส่งออกทองคำ หนุนค่าเงินบาทอีกทางหนึ่ง

อย่างไรก็ดี ธนาคารกลางสหรัฐฯยังไม่ปรับท่าทีที่แข็งกร้าวต่อการปราบเงินเฟ้อ ทำให้เราคาดว่าเงินดอลลาร์ยังไม่สิ้นสุดขาขึ้นในเวลานี้ขณะที่เงินเฟ้อเดือน ก.ย. ของไทยต่ำกว่าคาด สร้างความหวังว่าทางการสามารถทยอยขึ้นดอกเบี้ยได้อย่างยืดหยุ่น

 สำหรับตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 263,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 260,000 ตำแหน่ง แต่ต่ำกว่าระดับ 315,000 ตำแหน่งในเดือนส.ค. ส่วนอัตราการว่างงานลดลงสู่ระดับ 3.5% ในเดือนก.ย. จากระดับ 3.7% ในเดือนส.ค. ซึ่งส่งผลให้อัตราแลกเปลี่ยนน่าจะแกว่งตัวออกด้านข้างเพื่อรอ CPI ต่อไปจะประกาศออกมาในช่วงที่ตลาดการเงินในประเทศหยุดยาว 

ที่มา  น.ส. รุ่ง สงวนเรือง

ภาพประกอบ  ธนาคารกรุงศรีอยุธยา