TNN online ส่องหุ้น Defensive -Domestic play ตัวไหนน่าลงทุน- งบ 3Q65 เด่น

TNN ONLINE

Wealth

ส่องหุ้น Defensive -Domestic play ตัวไหนน่าลงทุน- งบ 3Q65 เด่น

ส่องหุ้น Defensive -Domestic play ตัวไหนน่าลงทุน- งบ 3Q65 เด่น

โบรกมองหุ้นไทยสัปดาห์แกว่งไซด์เวย์ในกรอบ 1,615-1,655จุด จับตาประชุมกนง. คาดว่าขึ้นดอกเบี้ย 0.25% - ตัวเลขเศรษฐกิจต่างประเทศ-ความเสี่ยงภูมิรัฐศาสตร์ เคาะหุ้นเด่น Defensive -Domestic play

 นายจารุชาติ บูชาชาติ นักกลยุทธ์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) เปิดเผยกับ TNN Online ว่า  ตลาดหุ้นไทยสัปดาห์หน้าแกว่งไซด์เวย์ ในกรอบ 1,615-1,655จุด  โดยที่ผ่านมาตลาดเกิดใหม่ได้รับแรงกดดันจากการใช้นโยบายการเงินตึงตัวของธนาคารกลางสหรัฐหรือเฟด ขณะที่ การประมาณการปรับอัตราดอกเบี้ยของเฟด หรือ  Dot Plot  คาดว่าดอกเบี้ยสิ้นปีจะอยู่ที่ 4.25-4.5% สูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ จากปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 3.00%-3.25%


ขณะที่ผลกระทบจากอัตราการว่างงานสหรัฐฯ เฟดคาดว่าสิ้นปีหน้าอยู่ที่ 4.4% จากปัจจุบันอยู่ที่  3.7%  สะท้อนว่ามีโอกาสสูงที่เศรษฐกิจสหรัฐฯเข้าสู่ภาวะถดถอยในอีก 12 เดือนข้างหน้า ทำให้ดัชนีดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าแตะที่ระดับ 112 จุด ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลหรือบอนด์ยีลด์พุ่งสูงถึง  3.7% กดดันการเคลื่อนไหวสินทรัพย์เสี่ยง


สำหรับปัจจัยที่ต้องติดตามในประเทศคือการประชุมกนง. คาดว่าขึ้นดอกเบี้ย  0.25%ส่วนต่างประเทศเป็นตัวเลขรายงานดัชนีราคาจากรายจ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล ของสหรัฐฯ  ซึ่งเฟดจะใช้เป็นตัวชี้วัดกำหนดนโยบายการเงิน คาดว่าจะอยู่ที่ 0.5% MOM 4.8%  YOY ยอดขายบ้านใหม่ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค  และความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์


ด้านกลยุทธ์การลงทุนเน้นหุ้น Defensive -Domestic play  นำโดยหุ้น SCB (FV@B 144)   หุ้นกลุ่มธนาคารมีปัจจัยบวกรออยู่ในสัปดาห์หน้า คือ การประชุม กนง.ในวันที่ 28 ก.ย. คาดขึ้นดอกเบี้ย +0.25% เป็น 1.00% ช่วยสนับสนุนให้ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย (NIM) ของกลุ่มธนาคารเร่งตัวขึ้นในปีหน้า รวมทั้งการฟื้นตัวของเศรษฐกิจเป็นอีกปัจจัยบวกต่อการเร่งตัวขึ้นของสินเชื่อ


คาดกำไร 3Q65 เติบโต +25% YoY และ +10% QoQ เป็น 1.1 หมื่นลบ. เราคาดว่าหลังปรับโครงสร้างเป็นบริษัท Holding จะเพิ่มศักยภาพเรื่องการกระจายธุรกิจให้มีความคล่องตัวมากขึ้น หนุนให้ ROE เร่งตัวขึ้น ซื้อขาย PBV 0.7 เท่า ให้ Yield 5%

หุ้นตัวต่อมาคือ   KISS (FV@B 11.90) เราเริ่มเห็นการฟื้นตัวของผลประกอบการใน 3Q65 จากความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้นเป็นบวกให้ยอดขายฟื้นตัว และออกสินค้าใหม่ราว 35-40 SKU ใน 2H65 เทียบกับ 1H65 ที่ 17 SKU และมากกว่าปกติที่ปีละ 25-30  SKU คาดหนุนกำไรปกติ 3Q65 เพิ่มขึ้น +94% YoY และ +8% QoQ เป็น 31 ลบ.


คาดกำไรปกติปี 2566 เติบโต +69% YoY เป็น 204 ลบ.เป็นระดับสูงสุดใหม่ของบริษัท จากการกลับสู่ระดับปกติของรายได้ในประเทศ และรายได้เสริมจากอินโดนีเซีย ซื้อขายที่ PER2566  ระดับ 25 เท่า เทียบกับค่าเฉลี่ยในภูมิภาคที่ 33 เท่า

หุ้นตัวสุดท้ายคือ   ORI ([email protected] )  ภาพทางเทคนิค แนวต้าน 11.30 บาท แนวรับ 10.80 บาท และ Stop loss หากต่ำกว่า 10.50 บาท  ORI มีจุดเด่นคือ การเดินหน้าสร้างธุรกิจ Recurring เช่น โรงแรม, ศูนย์การค้า อย่างต่อเนื่องในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา คาดว่าจะส่งผลให้สัดส่วนกำไรจากธุรกิจ Recurring เพิ่มจาก 10% ในปี 2565 เป็น 13% ในปี 2566 ขณะที่แนวโน้มกำไร 2H65 เด่นจากการรับรู้รายได้โครงการ JV เช่น Park Origin Thonglor ราคาหุ้นซื้อขายที่ PER2565 เพียง 7.6 เท่า และ Yield 6% ต่อปี


ที่มา  นายจารุชาติ บูชาชาติ  

ภาพประกอบ   เก็ตตี้อิมเมจ

ข่าวแนะนำ