เตือน! ศึกษา"หุ้นกู้" ให้ดี อย่ามองแค่ความเสี่ยงต่ำ

สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ฝ่ายตราสารหนี้ ได้ออกมาให้ข้อมูลว่า ลักษณะเด่นของหุ้นกู้ คือ การให้ผลตอบแทนที่แน่นอน สม่ำเสมอ และมักมีอัตราที่สูงกว่าเงินฝาก ดังนั้น หุ้นกู้จึงเป็นหลักทรัพย์ที่นิยมสำหรับกลุ่มผู้ลงทุนวัยใกล้เกษียณ หรือวัยเกษียณ ซึ่งสะท้อนจากสถิติที่พบว่าผู้ลงทุนส่วนใหญ่ในตลาดตราสารหนี้เอกชนของไทย จะเป็นผู้สูงวัยที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป 

โดยปกติ แม้หุ้นกู้โดยทั่วไปที่มีอันดับความน่าเชื่อถืออยู่ในระดับ investment grade จะมีลักษณะที่มีความเสี่ยงค่อนข้างต่ำ มีผลตอบแทนคงที่และสม่ำเสมอ แต่ก็มีหุ้นกู้บางประเภทที่มีเงื่อนไขซับซ้อน เช่น ผู้ลงทุนอาจต้องถือครองไปตลอดชีวิต ไม่มีวันครบกำหนดไถ่ถอน เป็นต้น

ซึ่งเงื่อนไขที่แตกต่างกันของหุ้นกู้แต่ละประเภท สำนักงาน ก.ล.ต. จึงออกมาเน้นย้ำว่า ผู้ลงทุนควรศึกษาและทำความเข้าใจข้อมูลของหุ้นกู้ให้ดีทุกครั้ง ก่อนตัดสินใจลงทุน เพื่อให้ทราบข้อมูลว่าบริษัทผู้ออกเป็นใคร อยู่ในอุตสาหกรรมใด หุ้นกู้ที่จะลงทุนมีลักษณะอย่างไร มีการค้ำประกันหรือไม่ มีลักษณะเป็นหุ้นกู้ด้อยสิทธิหรือไม่ รวมถึงต้องพิจารณาอายุและอัตราดอกเบี้ย หรือพิจารณาสถานะทางการเงินและอันดับความน่าเชื่อถือ ทั้งของบริษัทผู้ออกและหุ้นกู้ที่จะลงทุนด้วย

อีกประเด็นที่สำคัญคือ ความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนต้องพิจารณา เช่น ความเสี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ของบริษัทผู้ออกหุ้นกู้ โดยสามารถวิเคราะห์เบื้องต้นได้จากอันดับเครดิต โดยหุ้นกู้ที่มีอันดับเครดิตตั้งแต่ "BB+" ลงมา หรือหุ้นกู้ที่ไม่มีการจัดอันดับเครดิต มักจะมีความเสี่ยงในการผิดนัดชำระหนี้สูง 

และเรื่องของความเสี่ยงด้านสภาพคล่องและความเสี่ยงด้านราคา ก็เป็นอีก 2 ปัจจัยที่นักลงทุนต้องพิจารณาควบคู่ไปด้วย เพราะผู้ลงทุน อาจจะไม่สามารถขายหุ้นกู้ก่อนครบกำหนด หรืออาจไม่สามารถขายได้ในราคาที่ต้องการได้ 

นอกจากนี้ สำนักงาน ก.ล.ต. ยังแนะนำให้ผู้ลงทุน ติดตามข้อมูลของบริษัทผู้ออกอย่างสม่ำเสมอ เช่น ผลการดำเนินงาน งบการเงิน การปฏิบัติตามข้อกำหนดสิทธิ และการเปลี่ยนแปลงอันดับความน่าเชื่อถือ เพื่อประเมินความเสี่ยงว่ายังคงอยู่ในขอบเขตที่รับได้หรือไม่ 

ข้อมูลจาก : TNN ONLINE

ภาพจาก : TNN