TNN online จับกระแสทุนต่างชาติ คาด "แบงค์คือกลุ่มเป้าหมายแรก"

TNN ONLINE

Wealth

จับกระแสทุนต่างชาติ คาด "แบงค์คือกลุ่มเป้าหมายแรก"

จับกระแสทุนต่างชาติ คาด แบงค์คือกลุ่มเป้าหมายแรก

บริษัทหลักทรัพย์เอเซีย พลัส เผยถึงกระแส Fund Flow ที่จะไหลเข้ามาสู่ตลาดหุ้นไทยในช่วงนี้ยังเป็นไปได้ยาก แต่คาดว่าจะดีขึ้นในช่วงปีหน้า โดยกลุ่มแรกที่เป็นเป้าหมายของการลงทุนคือกลุ่มแบงค์ต่างๆ

ฝ่ายวิจัยของบริษัทหลักทรัพย์เอเซีย พลัส ได้ออกมาเปิดเผยว่า ในช่วงสัปดาห์แรกของเดือนสิงหาคมนี้ Fund Flow ที่จะไหลเข้ามาหนุนตลาดหุ้นไทยยังเป็นไปได้ยาก เนื่องจากเมื่อเร็วๆนี้ ธนาคารกลางสหรัฐได้มีการประกาศขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.75% ซึ่งทำให้ส่วนต่างระหว่างดอกเบี้ยไทยในขณะนี้ ต่ำกว่าสหรัฐถึง 2%  

โดย "เอเซีย พลัส" ได้มีการให้ข้อมูลเพิ่มเติมถึงปัจจัย ที่ทำให้ Fund Flow ชะลอการไหลเข้าตลาดหุ้นไทย มีอยู่ 2 ส่วน คือ

1. ส่วนต่างดอกเบี้ยยิ่งมาก ค่าเงินยิ่งมีโอกาสอ่อนค่า ยกตัวอย่างเช่น ในปีนี้สหรัฐเร่งขึ้นดอกเบี้ยล่าสุดอยู่ที่ 2.5% ซึ่งมีส่วนต่างกับไทย 2% จึงส่งผลกดดันให้ค่าเงินบาทตั้งแต่ต้นปี อ่อนค่าลงถึง 9.6% ซึ่งจากสถิติแสดงให้เห็นว่า เวลาค่าเงินบาทอ่อนค่าขึ้นทีไร ก็ มักจะกดดันให้ Fund Flow ไหลออกเสมอ

2. Spread หรือส่วนดอกเบี้ยไทยยิ่งกว้าง Fund Flow ยิ่งมีโอกาสไหลออกเสมอ สะท้อนได้จากข้อมูลความสัมพันธ์ระหว่าง Fund Flow กับส่วนต่างระหว่างดอกเบี้ยไทยกับสหรัฐ แปรผันตามกันเสมอ

แต่อย่างไรก็ตามในช่วงครึ่งหลังของเดือนนี้ Fund Flow จะเริ่มมีสัญญาณชะลอการไหลออก ด้วย 2 เหตุผลดังต่อไปนี้

1. ถ้าคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ประกาศขึ้นดอกเบี้ย ไม่ว่าจะ 0.25 หรือ 0.5% ในวันที่ 10 สิงหาคมนี้ จะช่วยทำให้ส่วนต่างระหว่างดอกเบี้ยไทยสหรัฐแคบลงในช่วงสั้นๆ 

2. ถ้ารายงานตัวเลข GDP ไทยงวดไตรมาสที่ 2 ออกมาไม่ติดลบ ความกังวลเรื่องเศรษฐกิจถดถอย (Recession) ในไทยจะลดลง เมื่อเทียบสหรัฐที่เกิด Technical Recession เรียบร้อยแล้ว ทำให้โอกาสที่ตลาดหุ้นไทยจะพลิกกลับมา Outperform และชนะตลาดหุ้นสหรัฐในไตรมาสนั้นได้ 

จับกระแสทุนต่างชาติ คาด แบงค์คือกลุ่มเป้าหมายแรก

ในส่วนของนโยบายการขึ้นดอกเบี้ย จะเป็นกำไรปี 2565 ของกลุ่มธนาคาร แต่จากการประเมินเบื้องต้น ปีนี้ผลบวกอาจจะจำกัด เพราะกลุ่มธนาคาร จะได้รับอานิสงค์ในช่วงปีหน้ามากกว่า 

ดังนั้น ฝ่ายวิจัยฯ ของเอเซีย พลัส จึงเลือก 3 หุ้นธนาคารใหญ่เป็น Top Pick ดังนี้

- KBANK ให้ราคาเป้าหมายที่ 174 บาท 

- KTB ที่ให้ราคาเป้าหมาย 18 บาท ซึ่งแนวโน้มกำไรเติบโตสูงที่สุด

- SCB ให้ราคาเป้าหมายที่ 140 บาท 

ข้อมูลจาก : TNN ONLINE

ภาพจาก : บล.เอเชีย พลัส, AFP

ข่าวแนะนำ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง